หนังหุ้มปลายที่มีมากเกินไป ทำให้ทำความสะอาดได้ยาก มีโอกาสเกิดโรคติดเชื้อหรือมะเร็งของอวัยวะได้ ประกอบกับการแพทย์ มีความเจริญมากขึ้น ทำให้มีคนทำการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศมากขึ้น ในบางครั้ง การตัดหนังหุ้มที่มากเกินไป อาจทำให้มีความตึงมาก ตั้งแต่ภาวะปกติ และเมื่อมีการแข็งตัว อาจมีความตึงมากจนทำให้เกิดความเจ็บปวด และไม่สามารถร่วมเพศได้ตามปกติ จะต้องหลีกเลี่ยงการที่จะร่วมเพศ ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวและรบกวนความสุขในการดำรงชีวิตประจำวัน
การแก้ไขอาการหนังหุ้มปลาย เป็นการผ่าตัดที่มีเทคนิคยุ่งยากกว่าการขลิบหนังหุ้มปลายมาก จึงแนะนำให้ทำเฉพาะในกรณีที่มีปัญหามาก เพราะเวลาแข็งตัวและร่วมเพศ และไม่พึงพอใจกับการร่วมเพศของอวัยวะเพศที่เปลี่ยนไปไม่แนะนำให้ทำในคนที่ ยังร่วมเพศได้ปกติ แต่มีการเจ็บหรือตึงเล็กน้อย เพราะอาการดังกล่าวมักจะดีขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป 6-12 เดือน การแก้ไขขลิบมีเทคนิคที่ซับซ้อนกว่า มักต้องผ่าตัดอย่างน้อย 2 ครั้ง และมีค่าใช้จ่ายมาก และใช้เวลารักษาหลังผ่าตัดนานกว่า ประกอบกับรูปร่างของส่วนของอวัยวะเพศจะเปลี่ยนไปในบางเทคนิค
เทคนิคการผ่าตัด
- โดยการใช้การขยายหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศโดยการใส่ลูกโป่งเพื่อขยายหนัง อวัยวะเพศ วิธีดังกล่าวต้องมีการเติมน้ำเกลือ เพื่อยึดผิวหนังให้ยืดออกทุก 1 อาทิตย์ จนได้ความยาวของผิวหนังที่เพียงพอ
- โดยการใช้หนังหุ้มอัณฑะ มาเพื่อความยาวบริเวณฐานอวัยวะเพศ และเลื่อนหนังหุ้มอวัยวะเพศเดิมที่อยู่บริเวณ โคนอวัยวะเพศออกมาเป็นส่วนหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
ทั้ง 2 เทคนิค ต้องทำการผ่าตัด 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และ 2 มีเวลาห่างกันประมาณ 2-3 เดือน
การปรึกษาก่อนผ่าตัด
- ปรึกษาแพทย์
– เทคนิคที่จะใช้
– รูปร่างสุดท้ายที่จะได้
– ระยะเวลาที่ต้องพักฟื้นและงดการร่วมเพศ
– ปัญหาของแต่ละเทคนิค - ทั้งสองเทคนิคคงต้องดมยาสลบ ให้งดอาหาร และน้ำ 6-8 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัด
- งดยาการต้านอักเสบ [ NSAID ] เช่นแอสไพริน อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
- กรณีที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ทำความสะอาดและโกนขนอวัยวะเพศก่อนการผ่าตัด
- เตรียมกางเกงชั้นในหลวมๆ สำหรับใส่หลังผ่าตัด ควรเลือกกางในสีเข้ม เช่น ดำ , น้ำเงิน, น้ำตาลเพราะน้ำเหลืองจากแผลจะเลอะกางเกงในเห็นได้ชัด
การผ่าตัด
ทั้ง 2 เทคนิคทำโดยดมยาสลบ
เทคนิคที่ 1 การใช้วัสดุยืดผิวหนัง
- การผ่าตัดครั้งที่ 1 ทำโดยการเปิดแผลที่อวัยวะเพศ , ใส่ลูกโป่งที่ทำหน้าที่ขยายผิวหนังแล้ว เย็บปิดแผล
- วางพอร์ตสำหรับฉีดน้ำเกลือให้ใกล้ผิวหนัง
- เย็บปิดแผล
การดูแลหลังผ่าตัด
- ตัดไหม 2 อาทิตย์
- เริ่มทำการฉีดน้ำเกลือเพื่อขยายผิวหนังทุก 1 อาทิตย์ จนได้ขนาดที่ต้องการ
- เมื่อได้ขนาดที่ต้องการ 2 อาทิตย์แล้วทำการผ่าตัดเพื่อยืดความยาวออก
เทคนิคที่ 2 การใช้ผิวหนังที่อัณฑะ (เป็นเทคนิคมาตรฐาน)
- ทำการเลื่อนผิวหนังที่โคนอวัยวะเพศไปยังปลายอวัยวะเพศ
- เปิดแผลบริเวณถุงอัณฑะ
- ย้ายอวัยวะเพศเข้าไปในถุงอัณฑะ
- เย็บปิดแผล
การดูแลหลังผ่าตัด
- ใช้ไหมละลายมักไม่ต้องตัดไหม
- ผิวหนังบริเวณปลายมักมีอาการบวมอยู่นาน
- เมื่อครบ 2-3 เดือน ต้องมาทำการผ่าตัด เพื่อยกอวัยวะเพศขึ้นจากหนังหุ้มอัณฑะ