แม้ว่าหน้าผากเป็นส่วนที่อยู่ส่วนบนสุดของใบหน้า แต่มักได้รับความสำคัญน้อยกว่าตา จมูก คางและแก้ม ในความจริงแล้วหน้าผากมีส่วนสำคัญไม่น้อยเลย ต่อความงามและสัดส่วนที่ลงตัวของใบหน้า นอกจากความสูงของหน้าผากที่ควรได้ประมาณ1/3 ของความยาวใบหน้าแล้ว ความโหนกนูนก็มีความสำคัญไม่น้อย เพื่อให้รับกับความโด่งของจมูก โหนกแก้มและคาง จากด้านหน้า การที่หน้าผากโหนกนูนได้ส่วนและความสมดุล ทำให้รูปหน้าดูดีขึ้นมากในบางคน การเสริมเพิ่มความนูนของหน้าผากทีวิธีการทำได้หลายวิธีดังนี้
1. การผ่าตัดเสริมด้วยซีเมนต์เทียม
เป็นการเอาซีเมนต์ที่ใช้ปะกระโหลกที่เคยตัดออกไปในคนใข้ผ่าตัดสมอง โดยซีเมนต์นำมาเสริมกับกระดูกหน้าผาก แต่มีข้อเสีย แผลผ่าตัดยาวเหมือนที่คาดผม การปรับให้ผิวเรียบทำได้ยากกว่า บวมช้ำมากกว่า จึงไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ยกเว้นงานแก้งานแก้ไขกระดูกยุบจากอุบัติเหตุเท่านั้น
2. การฉีดเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์
โดยทั่วไปปัจจุบันฉีดด้วยสารคล้ายคอลลาเจนที่เรียกว่า HA แต่เป็นสารที่อยู่ได้ประมาณ 1 ปี
ข้อดี ทำได้ง่ายบวมช้ำน้อยกว่าวิธีอื่นๆ เติมแก้ไขง่ายและเติมได้เรื่อยๆไม่ต้องพักฟื้นสามารถทำงานได้เลย
ข้อเสีย คือค่าใช้จ่าย ต้องเติมบ่อยๆมีโอกาสเป็นคลื่นๆได้ถ้าเติมไม่ถูกวิธีหรือเติมซ้ำหลายๆครั้ง มีโอกาสแพ้สารที่เติมหรืออนุภาคสารเติมเต็มไปอุดหลอดเลือดที่สำคัญ ทำให้เนื้อเยื้อบริเวณนั้นขาดเลือดไปเลี้ยง
3. การเติมเต็มด้วยเซลล์ไขมัน
ไขมันที่ดูดมาฉีดหน้าผาก เป็นเซลล์ไขมันของเราเอง ไม่แพ้แน่นอน สามารถเติมได้ในปริมาณมากๆ เนื่องจากราคาถูกกว่า HA เพราะเป็นเซลล์จากร่างกายเราเอง
ข้อเสีย ในกรณีเซลล์ไขมันอาจสลายไม่เท่ากัน ทำให้เกิดเป็นคลื่นไม่เรียบ อาจต้องทำมากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อปรับผิวให้เรียบ หลังจาการฉีดจะมีการบวมประมาณ 10-14 วัน ซึ่งทำให้ต้องหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนในช่วงนั้น
4. การเสริมซิลิโคนแผ่นแบบเก่า
เดิมการเสริมด้วยแผ่นซิลิโคนต้องนัดคนใข้มาพิมพ์แบบของซิลิโคน แบบเดียวกันกับการทำฟันปลอม โดยการทำได้ใช้แบบปูนปลาสเตอร์ เพื่อให้พอดีกับหน้าผากเดิม แล้วส่งไปทำที่ห้องแลบ การสั่งทำนี้ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน โดยที่ห้องแลบยังไม่มีในประเทศไทย มักต้องสั่งในอเมริกาและเกาหลี ทำให้ต้องมีเวลาในการจัดส่ง การผ่าตัดโดยเปิดแผลยาวตามขาวงของศรีษะ ตามแนวคาดผม ข้อดีคือได้ซิลิโคนที่พอดี เรียบ และเลือกความนูนได้ตามต้องการ แต่มีข้อเสียคือต้องเตรียมตัวนานก่อนการผ่าตัด และการที่แผลยาวทำให้บอบช้ำมากกว่า
5. การผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนแผ่น
ซิลิโคนแผ่นรุ่นใหม่มีการพัฒนาไปมาก มีความนิ่มและพังงอได้มากทำให้ใส่ผ่านแผลเล็กๆได้ ไม่จำเป็นต้องเปิดแผลรอบศรีษะเหมือนกับแผ่นซิลิโคนรุ่นเก่า ทำให้ผิวหนังชอกช้ำน้อยลงมาก และมองเห็นแผลเป็นน้อย มีขอบที่บางทำให้เห็นรอยต่อน้อยลง การใช้ซิลิโคนแผ่นรุ่นใหม่จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสามารถแก้ไขปัญหาผิวไม่เรียบของสารเติมเต็มหรือไขมันได้เป็นอย่างดี และเป็นการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว
ปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัด
สารบัญ
- ซิลิโคนที่ใช้จะมี 2 แบบ โดยแบบที่ 1 จะเป็นแบบที่ธรรมชาติไม่นูนมาก แบบที่ 2 จะเป็นแบบที่เพิ่มความหนาความนูนได้มาก
- การผ่าตัดจะทำได้โดยดมยาสลบหรือฉีดยาชา ขึ้นอยู่กับความต้องการ แต่การทำดมยาสลบอาจมีความสะดวกสบายมากกว่า
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- งดยาต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
- สำหรับผู้ที่จะทานสมุนไพรบางชนิด เช่น อีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูงๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหมอ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติ หรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน
- สระผมตอนเช้าก่อนผ่าตัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ผู้ที่มีความดันสูงต้องควบคุมให้เป็นปกติก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์
- เตรียมหยุดงานประมาณ 7 วัน
- ควรพาเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด
- ถ้ามีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ต้องกินยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนผ่าตัด
- ผู้ที่กินยา Cumadin เพื่อป้องกันภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือดดำที่ขาหรือในผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวและหยุดยาก่อนมารับการผ่าตัด
- เครื่องประดับที่เป็นโลหะควรถอดเก็บไว้ที่บ้าน เพื่อป้องกันการสูญหาย เนื่องจากไม่สามารถใส่ระหว่างผ่าตัดได้
ขั้นตอนการผ่าตัด
- ถ้าวางยาสลบต้องงดน้ำ งดอาหาร ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่งโมง
- อาจทำโดยการฉีดยาชา หรืดมยาสลบ
- เปิดแผลที่ศรีษะห่างจากไรผม 1-2 ซม. เปิดแผลยาวประมาณ 5-7 ซม.
- เปิดเลาะหนังศรีษะจนถึงโหนกคิ้วจัดวางซิลิโคนให้พอดีกับหน้าผาก ใส่วัสดุที่ใช้เสริมหน้าผากแล้วเย็บปิด ไม่มีการโกนผม
- หลังผ่าตัด ถ้าเป็นการฉีดยาชา อาจพักผ่อนที่คลีนิก ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ถ้าเป็นการดมยาสลบ ควรนอนพักที่โรงพยาบาล 1 คืน
- สามารถไปทำงานได้หลังผ่าตัด 3-5 วัน อาจมีอาการบวมที่บริเวณหน้าผาก โดยทั่วไปควรประคบน้ำอุ่น ใน วันที่ 3-7 จะช่วยลดอาการเขียว
การดูแลหลังการผ่าตัด
- ประคบเย็นบริเวณหน้าผากวันละ 4 ครั้ง เพื่อลดอาการบวม ประมาณ 7-10 วัน
- นอนยกศีรษะ (หนุนหมอน 2 ใบ) เพื่อลดอาการบวม
- 7 วันหลังทำการผ่าตัด ให้มาคลายไหมที่ศีรษะเพื่อลดอาการตึงและสุขสบายขึ้น
- 10 วันหลังการผ่าตัด ให้มาตัดไหมทั้งหมดออก
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดอาการแพ้ยา เช่น มีผื่นแดง คน คลื่นไส้ อาเจียบ แน่นหน้าอก ให้มาพบแพทย์ทันที
หมายเหตุ
- ล้างหน้า สระผมได้ตามปกติ (1 เดือนหลังทำผ่าตัดสามารถทำสีผมได้)
- หลังการผ่าตัดแล้ว หากพบไหมยังหลงเหลืออยู่ ให้ดึงหรือตัดออกเอง
- รับประทานอาหาร โดนแสงแดด ออกกำลังกายได้ตามปกติ