Scroll Top
59/469 พระรามที่2 ซอย 52 แสมดำ บางขุนเทียน กรุงเทพฯ
Endoscopic Foreheadlift

การดึงหน้าผากโดยใช้กล้อง

ดึงหน้าผากโดยใช้กล้อง

เหมาะสำหรับผู้ที่หัวคิ้วย่น, มีรอยย่นบนหน้าผาก หางตาตก ยิ้มมีรอยตีนกา และคิ้วต่ำลงมาใกล้ตาหรือบังตาจนรบกวนการมองเห็น วิธีการผ่าตัดโดยใช้กล้องเหมาะกับผู้ที่มีรอยย่นหน้าผากเล็กน้อยและมีคิ้วตกเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยปกติที่หน้าผากเราจะมีกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง ทำหน้าที่ย่นหน้าผาก เลิกคิ้ว หรือขมวดคิ้ว ดังนั้นผลจากการหดตัวของกล้ามเนื้อเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าวนานๆ เข้าก็เกิดเป็นริ้วรอยดังกล่าว

การดึงหน้าผากจะช่วยลดริ้วรอยดังกล่าว ช่วยให้ใบหน้าส่วนบนอ่อนเยาว์ขึ้น การดึงหน้าผากโดยใช้กล้อง มีข้อดีคือ แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กกว่าการดึงหน้าผากแบบปกติ ทำให้มีการเกิดแผลน้อยกว่าวิธีดึงหน้าผากแบบปกติ  แต่เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

การปรึกษาเรื่องการดึงหน้าผากจะต้องเตรียมตัวปรึกษาในปัญหาเรื่องดังต่อไปนี้

  • ตำแหน่งของคิ้วที่ต้องการยกขึ้นมาก- น้อย แค่ไหน
  • ผู้ที่มีผิวหนังที่มีความยืดหยุ่นน้อย อาจไม่สามารถยกได้สูงมาก

การทำ Endoscopic Browlift เหมาะกับ

  1. ผู้ที่มีคิ้วตกน้อยถึงปานกลาง (ระยะระหว่างกลางคิ้วถึงม่านตา(pupil) 1.5 – 2.5 cm.)
  2. Francheight  โดยปกติจะมากกกว่า 2.5 cm. แต่ถ้าน้อยกว่า 2.5 cm. ถือว่าคิ้วตก
  3. Brow glide คือ การยกคิ้วขึ้น จนได้ตำแหน่งสูงสุดปกติ 1-2 cm.
หมายเหตุ
ผู้ที่มีคิ้วตกมาก (ระยะคิ้วถึงม่านตาน้อยกว่า 1.5 cm.) ควรทำการผ่าตัด forehead lift แบบปกติได้ผลดีกว่าใช้กล้อง

คนไข้ที่เหมาะกับการ Endoscopic Foreheadlift

  1. มีรอยย่นระหว่างคิ้ว
  2. มีรอยย่นหน้าผาก
  3. คิ้วตกระดับน้อยถึงปานกลาง
  4. หนังตาตกโดยที่มีคิ้วตกร่วมด้วย
  5. คนชาติตะวันตก การดึงหน้าผากโดยใช้กล้องได้ผลดีกว่าคนเอเชีย แต่ในคนเอเชียที่ผิวหนังบางก็ได้ผลดีเช่นกัน

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด

  1. งดยาต้านการอักเสบ (NSAID) เช่นแอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
  2. สมุนไพรบางชนิดเช่นอีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูง ๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 3 – 5 วัน
  3. สำหรับผู้ที่จะวางยาสลบต้องงดน้ำ  งดอาหาร ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
  4. สระผมตอนเช้าก่อนผ่าตัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  5. ผู้ที่มีความดันสูงต้องควบคุมให้เป็นปกติก่อนผ่าตัด  2 อาทิตย์
  6. เตรียมงดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 1 – 2 อาทิตย์
  7. เตรียมตัวหยุดงานประมาณ 5 – 7 วัน
  8. ควรพาเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด ควรมีคนขับรถให้ในวันกลับจากโรงพยาบาล
  9. ถ้ามีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
  10. ผู้ที่เป็นโรคหัวใจบางชนิด ต้องกินยาต้านเกล็ดเลือด เช่น ยา aspirin ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนผ่าตัด
  11. ผู้ที่กินยา Cumadin เพื่อป้องกันภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือดดำที่ขาหรือในผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวและหยุดยาก่อนมารับการผ่าตัด
  12. เครื่องประดับที่เป็นโลหะควรถอดเก็บไว้ที่บ้าน เพื่อป้องกันการสูญหาย เนื่องจากไม่สามารถใส่ระหว่างผ่าตัดได้

ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. วางยาสลบ
  2. เปิดแผลที่ศีรษะ 5 จุด
  3. วัดตำแหน่งของหน้าผากที่ต้องการดึง
  4. ใช้กล้องส่องใต้ผิวหนัง แยกผิวหนังจากเนื้อเยื่อกระดูกด้านล่าง
  5. ยกผิวหนังบริเวณหน้าผากจนถึงตำแหน่งไหม ยึดด้วยสกรูกับกระโหลกศีรษะ
  6. เย็บปิดแผลที่ผิวหนัง

การดูแลหลังการผ่าตัด

  1. วันแรกหลังการผ่าตัด แพทย์จะเอาสายระบายน้ำเหลืองออกพร้อมกับเปิดแผลที่ศีรษะ
  2. ประคบเย็นที่หน้าผาก วันละ 4 ครั้ง  เพื่อลดอาการบวม ประมาณ 7 – 10 วัน
  3. นอนยกศีรษะสูง (หนุนหมอน 2 – 3 ใบ) เพื่อลดอาการบวม
  4. ผ้าตาข่ายที่พันบริเวณใบหน้านั้นปิดไว้เพียง 1 วัน เช้าวันรุ่งขึ้นให้ตัดหรือแกะออก จากนั้นสระผมได้โดยเกาอย่างเบามือ เพื่อล้างคราบเลือดออก ซับแล้วเป่าผมให้แห้ง สามารถสระผมได้ทุกวันตามปกติ
  5. 7  วันหลังทำการผ่าตัด  ให้มาคลายไหมที่ศีรษะเพื่อลดอาการตึง
  6. หลังจากคลายไหมแล้ว ใช้ “Vitamin E” ทานวดที่แผล (หลังหู, ท้ายทอย) เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนแข็ง (ทานวดประมาณ 3  เดือน) วันละ 2 ครั้ง ทุกๆวัน
  7. 14 วันหลังทำการผ่าตัด  ให้มาตัดไหมทั้งหมดออก (พร้อมทั้งพบแพทย์เพื่อตรวจแผล)
  8. รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดอาการแพ้ยา  เช่น  มีผื่นแดง, คัน, คลื่นไส้อาเจียน, แน่นหน้าอก ให้มาพบแพทย์ทันทีหรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยใช้สาย Hotline
  9. ในวันที่ 1 – 3 หลังผ่าตัด จะมีอาการบวมที่หน้าผาก
    ในวันที่ 3 – 7 อาการบวมจะอยู่ที่รอบดวงตาและใต้ตา บางครั้งอาจมีอาการเขียวช้ำที่บริเวณแก้มและรอบดวงตา ถ้ามีรอยเขียวช้ำ อาจประคบน้ำอุ่นบ่อยๆ จะช่วยให้อาการเขียวช้ำหายไป

หมายเหตุ

  • ล้างหน้า, สระผมได้ตามปกติ (1 เดือนหลังทำผ่าตัดสามารถทำสีผมได้)
  • 1  อาทิตย์หลังการผ่าตัดนั้น  หากที่บริเวณแผลมีรอยเขียวช้ำ สามารถประคบน้ำร้อนได้  วันละประมาณ 2 ครั้ง (รอยฟกช้ำนั้นสามารถหายได้ตามธรรมชาติ)
  • หลังผ่าตัดแล้ว หากพบไหมยังหลงเหลืออยู่ ให้ดึงหรือตัดออกเอง
  • รับประทานอาหาร, โดนแสงแดด, ออกกำลังกายได้ตามปกติิ
  • บริเวณหนังศีรษะอาจชาได้ ประมาณ 1 – 2 เดือน
  • อาการบวมและรอยช้ำ จะหายไปภายใน 10 -14 วัน คุณสามารถลดอาการบวมได้ด้วยการนอนหนุนหมอนสูง และการประคบเย็น ขอบตาจะดำคล้ำชั่วคราว
  • หลังผ่าตัดสามารถแต่งหน้าได้ภายใน 3 – 5 วัน
  • พบเจอผู้คนได้ภายใน 7 -14 วันและต้องแต่งหน้าช่วย

Privacy Preferences
When you visit our website, it may store information through your browser from specific services, usually in form of cookies. Here you can change your privacy preferences. Please note that blocking some types of cookies may impact your experience on our website and the services we offer.