ในผู้ที่อายุ 30 – 40 ปี บางคนอาจมี ตาลึก และมีก้อนไขมันใต้ตา ซึ่งการผ่าตัดตาล่างอาจช่วยเอาถุงไขมันออก และลดรอยย่นใต้ตาแต่ไม่สามารถลดรอยย่นที่ต่ำกว่ากระดูกเบ้าตา การดึงแก้ม เป็นวิธีการผ่าตัดเพื่อดึงผิวหนังบริเวณแก้มใต้ตา โดยไม่ใส่ Silicone หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ การผ่าตัดทำโดยดึงไขมันและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังที่บริเวณแก้มขึ้นเย็บติดกับขอบใต้ตา ซึ่งจะช่วยลดรอยแผลบริเวณแก้มส่วนที่อยู่ใต้กระดูกเบ้าตา และลดรอยร่องแก้มส่วนบน ระยะเวลาการบวมจะน้อยกว่าการดึงหน้า เป็นวิธีการผ่าตัดที่เหมาะกับผู้ที่เคยผ่าตัดตกแต่งหนังตามาแล้ว มีลักษณะที่หนังตาล่างถูกดึงลงมากกว่าปกติ หรือผู้ที่มีรอยย่นที่ขอบใต้กระดูกรอบตาบริเวณร่องแก้มและเหนือร่องแก้มมาก
การผ่าตัดมีแผลผ่าตัดเช่นเดียวกับการผ่าตัดถุงไขมันใต้ตา วิธีการไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่มากนักเป็นการผ่าตัดเล็ก จึงสามารถผ่าตัดได้ทันทีเมื่อคุณสะดวก
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- วันที่ผ่าตัดควรเตรียมนำแว่นกันแดดไปด้วย เพื่อใช้อำพรางดวงตาหลังการผ่าตัด และป้องกันฝุ่นละออง ควรมีผู้ขับรถให้ เพราะหลังการผ่าตัดจะยังใช้สายตาได้ไม่สะดวกนัก จึงไม่ควรขับรถเอง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางอย่างซึ่งอาจทำให้เลือดหยุดช้า เช่น แอสไพริน ทัมใจ บวดหาย ฯลฯ
ถ้ากินยาควรหยุดยาประมาณ 10 – 14 วัน - สมุนไพรบางชนิดเช่นอีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูง ๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควร
- แจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 3-5 วัน
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณ เช่น เบาหวาน,โรคหัวใจ และยาที่แพ้ เช่น เพนนิซิลิน,ซัลฟา ฯลฯ
- เตรียมลาหยุดงาน 5 วัน
- ล้างหน้าก่อนมาผ่าตัด
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ต้องการยา aspirin หรือ ผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจและทานยา Cumadin เป็นประจำ สามารถทำผ่าตัดได้ต่อเมื่อแพทย์ที่รักษายินยอมให้ทำและจะทำผ่าตัดเฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น
- ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ไม่ควรมารับการผ่าตัด เนื่องจากเครื่องจี้ไฟฟ้าอาจมีผลต่อการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจได้
- ถ้ามีความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมให้ต่ำกว่า 140/90 mm Hg (มิลลิเมตร ปรอท) ก่อนมารับการผ่าตัด
- ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดออกแล้วใส่แว่นตา วันที่เข้ารับการผ่าตัด
- มีคนมาเป็นเพื่อน เพื่อช่วยดูแลขณะกลับบ้าน
- ถอดวัสดุโลหะ เช่น แหวน, สร้อยคอ, นาฬิกา ฯลฯ ก่อนเข้าห้องผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัด
- ฉีดยาชาบริเวณใต้ตาและแก้ม
- ยกผิวหนังบริเวณหางตาและแก้มขึ้น
- เย็บผิวหนังบริเวณแก้มยึดกับกระดูกเบ้าตา
- ตัดแต่งหนังตาเพื่อให้ดูสวยงาม
การดูแลหลังผ่าตัด
- ประคบน้ำเย็นที่บริเวณใต้ขอบตา ในระยะเวลา 2 วันแรกหลังการผ่าตัด โดยบรรจุน้ำแข็งในถุงพลาสติกสะอาด แล้วหุ้มด้วย ผ้าขนหนูสะอาดอีกครั้งหนึ่ง นำมาประคบเพื่อบรรเทาอาการบวมและช่วยห้ามเลือดหรือของเหลวภายใน
- ควรนอนยกศีรษะสูงไว้ เพื่อให้เลือดที่ค้างอยู่หลังการผ่าตัดนั้น ไหลลงและขับเป็นของเสียออกจากร่างกายไป อีกทั้งเป็นการป้องกันมิให้เลือดนั้นไหลไปสะสมจนเป็นสาเหตุให้อาการบวมยุบช้าลงได้
- รับประทานยาแก้อักเสบและยาลดบวมตามที่แพทย์สั่งจนหมด หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
- รับประทานอาหารได้ทุกอย่าง ยกเว้น อาหารที่เผ็ดจัดเป็นระยะเวลา 7 วันหลังผ่าตัดเพราะจะ
- ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น อาจทำให้มีเลือดออกจากแผล
- ควรงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยาย อาจมีเลือดออกไ ด้และจะทำให้แผลยุบบวมช้าลง
- ควรงดสูบบุหรี่เพราะจะทำให้เส้นเลือดหดตัว อาจทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงที่แผลได้ไม่สะดวก
- สามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ควรงดการทำงานหรือการออกกำลังกายรุนแรง 7 วันหลังผ่าตัด
- ควรงดใช้สายตาในช่วงแรก ๆ เพราะการใช้สายตา เช่น การดูทีวี หรือ การอ่านหนังสือ ทำให้ต้องกะพริบตาและเปลือกตาต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา อาจทำให้แผลอักเสบและหายช้า
- กรณีที่คุณใส่คอนแทคเลนส์ ควรเปลี่ยนไปสวมแว่นตาแทนในช่วงอาทิตย์แรก หรือจนกว่าจะ หายบวม และห้ามดึงเปลือกตาเพื่อใส่คอนแทคเลนส์ เพราะจะทำให้แผลผ่าตัดที่เย็บไว้เปิดแยกจากกันได้
- หลังจากผ่าตัด 3 วัน คุณจึงจะเริ่มล้างทำความสะอาดหน้าได้ตามปกติ และควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำ สะอาด เพื่อล้างคราบสะเก็ดเลือดออกให้หมด
- หากต้องการทำความสะอาดบริเวณแผลที่ดวงตา สามารถทำได้โดยใช้สำลีก้อนชุบน้ำอุ่น ที่สะอาดเช็ดเบา ๆ บริเวณแผลที่เปลือกตา
- สามารถแต่งหน้าและแต่งแต้มตาได้ตามปกติ หลังจากผ่าตัดแล้วประมาณ 1 – 2 อาทิตย์
- หลังการผ่าตัดประมาณ 5 วัน ให้กลับไปพบแพทย์เพื่อตัดไหม
- ระวังไม่ขยี้ตารุนแรง 3 อาทิตย์
- นัดตรวจอีกเมื่อ 3 อาทิตย์ แต่ถ้าไม่มีอาการผิดปกติ อาจไม่นัดมาพบแพทย์ได้