เซลลูไลท์เป็นภาวะผิวส้ม ซึ่งมักเกิดตามบางส่วนของร่างกาย เช่น บริเวณสะโพก ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะผิวส้ม คือ การสะสมของไขมัน ระหว่างพังผืดที่ยึดผิวหนัง ทำให้มีผิวหนังไม่เรียบสวยงาม ภาวะเซลลูไลท์ ทำให้่คนไข้ไม่สามารถใส่ชุดว่ายน้ำหรือใส่กางเกงขาสั้น เนื่องจากมองเห็นส่วนที่เกิดเซลลูไลท์ได้ โดยเฉพาะสะโพก การรักษาเซลลูไลท์สามารถทำได้หลายวิธีโดยการใช้อุปกรณ์เสริมความงาม การทำทรีทเมนท์ผิวหนัง การปรับผิวหนัง การผ่าตัดรักษาเซลลูไลท์จะเลือกทำเฉพาะในผู้ที่ใช้วิธีการอื่นแล้วไม่ได้ผล
หลักการของการรักษา Cellulite โดยการผ่าตัด มีขบวนการ ดังนี้
สารบัญ
ตัดพังผืดที่ยึด ระหว่างเซลล์ไขมัน และฉีดไขมันเข้าไปใหม่ พร้อมกับป้องกันการเกิดพังผืดระหว่างไขมันดังกล่าว การรักษา Cellulite ไม่ใช่การดูดไขมันปกติ ซึ่งจะดูดเฉพาะไขมันส่วนนั้นๆ แต่ไม่ตัดพังผืดที่ยึดระหว่างเซลลูไลท์ การรักษา Cellulite โดยการผ่าตัดไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการรักษา Cellulite ที่ได้ผลถาวร แต่อาจต้องมีการผ่าตัด 2 – 3 ครั้ง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- ไปพบศัลยแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพ ลักษณะผิวหนังและไขมันสะสม
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว เช่นความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, หอบหืด
- งดยาที่ทำให้เลือดหยุดช้า เช่น แอสไพริน บูรา บวดหาย ทัมใจ ฯลฯ
- อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนมาพบแพทย์
- งดน้ำ งดอาหารอย่างน้อย 6 ชม. และงดสูบบุหรี่
- ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดช่วงที่มีประจำเดือน
- ถ้าความดันสูงควรควบคุมความดัน ให้อยู่ต่ำกว่า 140/90 mm Hg (มิลลิเมตร ปรอท)
เนื่องจากการผ่าตัดทำให้เสียเลือดบางส่วน - ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ไม่ควรดูดไขมันปริมาณมากๆ เนื่องจากการผ่าตัดทำให้เสียเลือดมาก
ขั้นตอนการผ่าตัด
- สามารถทำโดยฉีดยาชาหรือดมยาสลบ
- หลังจากฉีดยาชา แพทย์จะเจาะรูที่ด้านข้างของผิวหนังที่สามารถซ่อนรอยแผลเป็นได้ดี
หลังจากนั้น จะดูดไขมันออกมา แยกเซลล์ไขมันก่อนที่จะฉีดเข้าไปในผิวหนังครั้งต่อไป - แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษตัดพังผืดของ Cellulite ผ่านทางช่องเล็กๆที่เปิดไว้แล้ว
- หลังจากตัด พังผืด จะนำไขมันที่ดูดไว้แล้ว ฉีดกลับเข้าไปให้ส่วนที่ Cellulite หายไปแล้ว
ผิวหนังจะตึงมาก - เย็บปิดแผลโดยใช้ไหมขนาดเล็ก
การดูแลหลังผ่าตัด
- ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำยาสะอาดในขวดเช็ดคราบเลือดและสิ่งสกปรกออก
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดการแพ้ยา เช่น คัน มีผื่น แดง คลื่นไส้ – อาเจียน แน่นหน้าอกให้หยุดรับประทานทันที และรีบมาพบแพทย์
- หลังการผ่าตัด 5 วัน ให้มาตัดไหม
- หลังทำผ่าตัด 2 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจอาการอีกครั้ง (โทรนัดล่วงหน้า)
- พันผ้าบริเวณที่ดูดไขมันประมาณ 4 – 6 อาทิตย์
- แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรก และจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 1 – 2 ปี
- ควรใส่ชุดชั้นในรัดรูปประมาณ 1 เดือน เพื่อให้ได้รูปร่างที่ดีและลดบวม
- ถ้าคันตัวสามารถทาแป้งแก้คันได้ แต่ห้ามทาที่แผล
- รัดสเตย์ให้แน่นและจัดอย่าให้มีรอยย่นบนสเตย์
- แพทย์จะนัดตัดไหมเมื่อครบ 7 วัน