การเสริมสะโพกโดยการฉีดไขมัน เป็นอีกทางเลือกที่นิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ต้องการมีสารแปลกปลอมอยู่ในร่างกาย เนื่องจากไขมันที่ได้เป็นเซลล์ในระบบของร่างกายหลังจากฉีดเข้าไปแล้ว อาจจะปัญหาเรื่องการ บวม แดง ในช่วงแรกแต่หลังจากเซลล์ไขมันในสะโพกอยู่ได้แล้ว มักไม่เกิดปัญหาในภายหลัง นอกจากนั้นแล้วยังช่วยให้หน้าท้องหรือบริเวณที่ดูดไขมันออกไปใช้แบนราบด้วย
การฉีดสะโพกด้วยไขมัน เป็นวิธีการทำที่ใช้เวลาผ่าตัดเพิ่มมากขึ้น เพราะต้องทำการดูดไขมันแยกเซลล์ไขมันและฉีดไขมันเข้าไปในระดับต่างๆของสะโพกโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลา 4 – 5 ชั่วโมง เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปภายในประมาณ 20-30% เท่านั้น ไขมันส่วนที่เหลือจะอยู่ได้ถาวรและมีการเปลี่ยนแปลงตามรูปร่าง หากต้องการฉีดไขมันเพิ่มในภายหลัง สามารถทำได้หลังจากการฉีดครั้งแรกประมาณ 3-4 เดือน
การดูดไขมันร่วมกับการฉีดไขมันบริเวณสะโพกและก้นเป็นการศัลยกรรมผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปร่าง โดยทำให้ส่วนเอวและสะโพกมีส่วนเว้าโค้ง (S Curve) หลักการดูดไขมันคือการดูดบริเวณเอวด้านหน้า ,ด้านข้าง และโดยเฉพาะบริเวณเอวด้านหลัง ส่งผลให้เอวหลังจากดูดไขมันมีขนาดเล็กที่สุด (คอดที่สุด) ไขมันหลังจากการดูดสามารถนำมาฉีดบริเวณก้นเพื่อเพิ่มขนาดหรือนำมาฉีดทางด้านข้างของสะโพกเพื่อให้สะโพกผายและได้ทรงที่สวยงาม
ผลที่ได้หลังจากการดูดไขมัน ทำให้เอวมีขนาดเล็กและสะโพกมีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งทางด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง ทำให้รูปร่างสวยงามเห็นทรงร่างกายที่ชัดเจน เมื่อสวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปช่วยสร้างความมั่นใจเพิ่มได้
ปัญหาที่พบบ่อยของผู้ที่ต้องการทำ BBL
สารบัญ
- สะโพกมีขนาดเล็กเกินไป ไม่สมส่วนกับสัดส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
- สวมใส่เสื้อผ้าไม่พอดี ไม่สวยงาม เช่นผู้ที่มีขนาดเอวใหญ่กว่าช่วงสะโพก สามารถใช้วิธีการดูดไขมันจากบริเวณเอวมาฉีดเสริมที่สะโพกให้ใหญ่และได้ทรงที่สวยมากขึ้น
- มีปัญหาสะโพกหย่อนคล้อย แบน ไม่กลมกลึง
- รูปร่างหรือขนาดของบั้นท้ายทำให้ไม่มั่นใจ
- ผู้ที่ต้องการเสริมสะโพกแต่ที่ไม่ต้องการมีสารแปลกปลอมอยู่ในร่างกาย
มีข้อดีคือ
- เป็นการดูดไขมันส่วนเกินในส่วนที่ไม่ต้องการออกไปด้วย
- สะโพกจะมีความนิ่ม และรูปทรงเป็นธรรมชาติ
- ไม่มีสารแปลกปลอมในร่างกาย
มีข้อเสียคือ
- วิธีนี้ไม่สามารถเสริมในขนาดที่ใหญ่ได้
- ไขมันที่ฉีดเข้าไปแล้ว สามารถสลายไปได้บางส่วน
- ไขมันอาจเกิดการแข็งตัวเป็นก้อนได้ หากเซลล์ไขมันมีขนาดใหญ่เกินไป
- เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปบางส่วน อาจจะเป็นเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว ทำให้ไม่มีประโยชน์ หรือบางรายอาจจะทำให้เกิดแคลเซียมเกาะบริเวณสะโพกได้
การปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดไขมันยกกระชับสะโพก
ผู้ที่ต้องการเข้ารับการศัลยกรรมฉีดไขมันเสริมสะโพก จะต้องเข้ารับการปรึกษาแพทย์ โดยในระหว่างการปรึกษาแพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับความต้องการของลักษณะสะโพกที่ต้องการ ซึ่งการเตรียมรูปภาพตัวอย่างของสะโพกที่ต้องการไปให้ศัลยแพทย์ดู จะช่วยให้เข้าใจและเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการผ่าตัดให้ผู้ที่เข้ารับการศัลยกรรมได้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น และทำให้ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดและรักษาเป็นไปตามที่ต้องการ แพทย์จะทำการวินิจฉัยวินิจฉัยรูปทรงสะโพกและถ่ายภาพ เพื่อบันทึกผลก่อนและหลังการรักษา ในส่วนของขนาดและรูปทรงของสะโพกไว้ พิจารณาถึง ปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ขนาดและรูปร่างของสะโพก ลักษณะของผิวหนังบริเวณสะโพก เพื่อเลือกวิธีในการรักษาอย่างเหมาะสม
หากผู้เข้ารับการผ่าตัดมีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ให้ทราบถึงประวัติทางการแพทย์ เช่น มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ เคยได้รับการผ่าตัดหรือไม่ มีประวัติมีโรคประจำตัวหรือมียาที่ใช้เป็นประจำหรือไม่ หากเป็นการรักษาด้วยการเสริมไขมันตนเอง อาจต้องรักษาระดับน้ำหนักของร่างกายให้คงที่ด้วย
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดฉีดไขมันเพื่อยกกระชับสะโพก
- เตรียมลาหยุดงานประมาณ 10-14 วัน
- งดน้ำ งดอาหาร ก่อนผ่าตัดประมาณ 6 ชั่วโมง
- งดยาต้านการอักเสบ (NSAID ) เช่น แอสไพริน อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ยาแก้ปวดกลุ่มอื่น พาราเซตามอล ไทรินอล สามารถทานได้
- งดสูบบุหรี่ แอลกอฮอร์ วิตามิน คอลลาเจน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหรืออาหารที่ทำให้เสี่ยงต่อการท้องเสีย อย่างน้อย 2 วัน
- ในวันผ่าตัดแนะนำให้นำชุดรับรูป กระชับสัดส่วนมาเพื่อใส่หลังจากการผ่าตัดแล้ว
- ในวันผ่าตัดมีอาการท้องเสีย ควรงดผ่าตัดไปก่อน เพราะหลังผ่าตัด จะนั่งถ่ายลำบาก นอกจากนั้นอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อของแผลได้
- หลังผ่าตัดต้องนอนคว่ำ ดังนั้นการเสริมสะโพกควรทำหลังการผ่าตัดอื่นๆ เช่น การเสริมหน้าอก การตัดไขมัน ประมาณ 2 สัปดาห์ ขึ้นไป
- ตรวจร่างกายก่อนการผ่าตัดตามโปรแกรมที่โรงพยาบาลกำหนดก่อนผ่าตัด
- ถ้าความดันสูงควรควบคุมความดันให้อยู่ต่ำกว่า 140/90 mm hg ( มิลลิเมตร ปรอท ) เนื่องจากการผ่าตัดทำให้เสียเลือดบางส่วน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคความดันสูง ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวว่าสามารถผ่าตัดได้หรือไม่
- ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดช่วงมีประจำเดือน
- หลังผ่าตัดอย่างน้อย 14 วัน ควรมีญาติขับรถรับ-ส่ง เนื่องจากในช่วงระยะแรก อาจนั่งขับรถไม่ถนัด
- วันผ่าตัดอาบน้ำให้สะอาดในตอนเช้า และสวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ
ขั้นตอนการผ่าตัดฉีดไขมันเพื่อยกกระชับสะโพก
- ศัลยแพทย์จะเริ่มการศัลยกรรม โดยให้วิสัญญีแพทย์เป็นผู้วางยาสลบ
- ฉีดนำเกลือผสมยาลดการไหลเวียนของเลือด รอประมาณ 15-20 นาที
- ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลที่หน้าท้องหรือขาหนีบเพื่อจะดูดไขมันบริเวณหน้าท้องและต้นขาให้ได้ไขมันตามปริมาณที่ต้องการเสริมสะโพก
- เมื่อทำการดูดไขมันได้ตามปริมาณที่ต้องการแล้ว ศัลยแพทย์จะพลิกตัวผู้ที่เข้ารับการศัลยกรรมอยู่ในท่านอนคว่ำ โดยทำการดูดไขมันเพิ่มเติมจากบริเวณหลังเพื่อให้รูปร่างดูสวยงามขึ้น
- จากนั้นศัลยแพทย์จะทำการฉีดไขมันเข้าไปที่บริเวณสะโพก ในปริมาณที่ต้องการ
- สำหรับการศัลยกรรมเสริมสะโพกด้วยไขมัน รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
การดูแลหลังการผ่าตัด
- การฉีดไขมันจะมีอาการบวมที่สะโพก ประมาณ 3-4 สัปดาห์ และมีอาการเขียวในตำแหน่งที่ดูดไขมันประมาณ 7-14 วัน
- ไขมันที่ฉีดเข้าไปในในสะโพก จะเริ่มเข้าที่ในเวลาประมาณ 2-3 เดือน โดยจะมีเซลล์ไขมันบางส่วนที่สลายไป
- ควรทานยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ ตามที่แพทย์สั่ง
- ถ้ามีอาการผิดปกติหรือมีอาการบวม แดง มากขึ้น ให้กลับมาพบแพทย์ก่อนนัดได้
- สำหรับการตัดไหม แพทย์จะนัดตัดไหมและดูแผลเมื่อครบ 5-7 วัน
- ควรประคบเย็นที่สะโพกบ่อยๆ โดยเฉพาะ 24-48 ชั่วโมงแรก
- งดดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 1 สัปดาห์
- สามารถออกกำลังกายได้ หลังผ่าตัด 1-2 เดือน
- ถ้าต้องการฉีดเพิ่มควรรออย่างน้อย 3-4 เดือน