จะรู้ได้ยังไงว่า “ซิลิโคนแตก”?
ซิลิโคนแตกดูยังไง? อาการปวด แสบ ร้อนไม่ใช่สัญญาณหลัก การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเป็นหัตถการยอดนิยม แต่สิ่งที่หลายคนกังวลคือ “ซิลิโคนแตก” บางคนเข้าใจผิดคิดว่าอาการปวด แสบ หรือร้อนในหน้าอกคือสัญญาณหลักของการแตกหรือรั่วซึม แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการเหล่านี้ไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าซิลิโคนแตก โดยเฉพาะในซิลิโคนรุ่นใหม่ที่ผลิตด้วย Cohesive Gel ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษทำให้เจลไม่ไหลกระจายออกมานอกเปลือก (Shell) เหมือนในอดีต
ซิลิโคน Cohesive Gel คืออะไร?
Cohesive Gel Implant เป็นซิลิโคนเจลที่มีความหนาแน่นสูงและยืดหยุ่นได้ดี จุดเด่นคือ
-
หากเกิดการฉีกขาด เจลจะยังคงรูปและ ไม่ไหลออกมากระจาย
-
เจลสามารถหดกลับไปใน Shell ได้ ทำให้ไม่ก่ออันตรายรุนแรง
-
ลดความเสี่ยงการอักเสบหรือแทรกซ้อนจากซิลิโคนรั่ว
ด้วยคุณสมบัติที่ปลอดภัยขึ้นนี้ จึงทำให้ผู้ที่เสริมหน้าอกในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าซิลิโคนแตกจะอันตรายเหมือนในอดีต
อาการซิลิโคนแตกที่ควรสังเกต
แม้จะไม่มีอาการเจ็บหรือปวดชัดเจน แต่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง ดังนี้
-
รูปทรงหน้าอกผิดปกติ – อาจมีการเบี้ยว เอียง หรือไม่สมมาตร
-
ขนาดเปลี่ยนไป – หน้าอกอาจเล็กลงหรือหย่อนคล้อยอย่างผิดปกติ
-
สัมผัสแตกต่างจากเดิม – คลำแล้วรู้สึกแข็ง เป็นไต หรือมีก้อนผิดรูป
-
ความนิ่มเปลี่ยนไป – หน้าอกอาจแข็งขึ้นหรือนิ่มผิดธรรมชาติ
หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดทันที
วิธีตรวจยืนยันว่าซิลิโคนแตกจริงหรือไม่
แพทย์จะใช้เครื่องมือการแพทย์เพื่อยืนยันการแตกหรือรั่ว ได้แก่
-
MRI (Magnetic Resonance Imaging): เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการตรวจหาการฉีกขาดของซิลิโคน
-
อัลตราซาวด์: เหมาะสำหรับตรวจเบื้องต้น ใช้เวลาสั้น แต่ความแม่นยำอาจน้อยกว่า MRI
-
การตรวจร่างกายโดยแพทย์: เพื่อตรวจดูรูปทรง ความสมมาตร และการสัมผัสของซิลิโคน
ซิลิโคนแตกควรทำอย่างไร?
หากพบว่าซิลิโคนแตกจริง สิ่งที่ควรทำคือ
-
อย่าตกใจ – ซิลิโคน Cohesive Gel ไม่ไหลกระจาย จึงไม่เป็นอันตรายทันที
-
ปรึกษาศัลยแพทย์ – เพื่อวางแผนการผ่าตัดเปลี่ยนหรือแก้ไขซิลิโคน
-
ตรวจสุขภาพเต้านมควบคู่กัน – เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยในระยะยาว
สรุป
-
อาการปวด แสบ ร้อนไม่ใช่สัญญาณหลัก ของการที่ซิลิโคนแตก
-
ซิลิโคนรุ่นใหม่ที่เป็น Cohesive Gel ปลอดภัยกว่า เพราะเจลไม่ไหลออกมานอก Shell
-
วิธีสังเกตคือดูความผิดปกติของรูปทรง ขนาด ความนิ่ม และการคลำก้อน
-
หากสงสัย ควรเข้ารับการตรวจด้วย MRI หรืออัลตราซาวด์เพื่อความชัดเจน