โดยทั่วไปแล้วอวัยวะเพศที่มีขนาดสั้น อาจมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้หลายอย่าง เช่น
- กรรมพันธุ์คือมีอวัยวะเพศสั้นมากเอง โดยหลังจากผ่านช่วงวัยรุ่นแล้วยังมีขนาดสั้นอยู่
- โรคบางอย่างที่ทำให้อวัยวะเพศหดสั้นเอง เช่น ไพโรนี
- น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากมีการสะสมไขมันบริเวณหัวเหน่าทำให้ส่วนอวัยวะเพศที่ยื่นออกจากร่างกาย สั้นกว่าเดิมเพราะส่วนฐานอวัยวะเพศหนาขึ้น
- อุบัติเหตุหรือแผลเป็นที่อวัยวะเพศอาจคงให้อวัยวะเพศสั้นลงหรือถูกทำร้ายร่างกาย เช่นการถูกตัดอวัยวะเพศ ก็เป็นสาเหตุที่พบได้บ้าง
โดยทั่วไปการที่อวัยวะเพศสั้น มักจะเป็นตั้งแต่กำเนิดมากกว่าปัจจัยอื่นๆ อย่างไรก็ตามอวัยวะเพศที่สั้นก็สามารถมีความยาวเพิ่มขึ้นได้มากขณะที่แข็ง ตัวเวลามีอารมณ์ทางเพศ ดังนั้น การจะวัดความยาวของอวัยวะเพศจะต้องดูทั้งระยะที่อ่อนตัวและแข็งตัว ถึงแม้ว่าระยะเวลาที่อ่อนตัวมีขนาดเล็กมากๆ แต่ถ้าแข็งตัวแล้วมีขนาดยาวเพียงพอก็มักจะไม่มีปัญหา
การผ่าตัดเพิ่มความยาวนั้นจะสามารถเพิ่มความยาวได้เพียงประมาณ 2-4 ซ.ม. ในระยะที่อ่อนตัว และประมาณ 1-2 นิ้ว ในระยะที่แข็งตัวไม่สามารถเพิ่มความยาวเกินไปได้เพราะอาจมีอันตรายต่อเส้น เลือดเส้นประสาทที่มีหน้าที่รับความรู้สึกของอวัยวะเพศได้
1. การยืดความยาวของเอ็นที่ยึดอวัยวะเพศ
สารบัญ
ส่วนของอวัยวะเพศชาย ประกอบด้วยแกนกลาง 3 แกน (ดังรูป) แกนด้านบน 2 แกน จะมีหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของอวัยวะเพศในการเพิ่มความยาวแกนทั้งสองจะยึด ต่อกับกระดูก เชิงกรานแล้วทอดตัวพบกระดูกประมาณ 2-3 ซ.ม. ก่อนที่จะยื่นออกจากร่างกาย บริเวณที่แกนอวัยวะเพศยึดติดกับกระดูกจะมีเอ็นยืดที่มีความแข็งแรงมาก ยึดแกนอวัยวะเพศติดกับกระดูก
- การผ่าตัดโดยเทคนิคนี้จะทำการตัดขยายเอ็นที่ยึดอวัยวะเพศตรงกระดูก เชิงกราน ทำให้ส่วนแกนอวัยวะเพศที่อยู่ติดกับกระดูกเชิงกราน ยื่นออกนอกลำตัวได้ ความยาวที่เพิ่มขึ้นก็ได้จากการยืดส่วนนี้ออกนั่นเอง อนึ่งการตัดเอ็นที่ยึดอวัยวะเพศ สามารถตัดได้จนถึงขอบกระดูกเชิงกรานเท่านั้น ไม่สามารถตัดได้มากกว่านี้ เพราะมีผลกระทบต่อเส้นเลือดและเส้นประสาท
ทำให้เกิดการสูญเสียสมรรถภาพ ทางเพศได้ถ้าไม่ระมัดระวัง ดังนั้นความยาวจะเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 1-3 ซ.ม. ขึ้นอยู่กับขนาดอวัยวะเพศเดิม กล่าวคือ ถ้าอวัยวะเดิมมีขนาดยาวอยู่แล้วส่วนที่อยู่ติดกับกระดูกจะยาวกว่าคนที่มี ความยาวอวัยวะเพศสั้นกว่า ดังนั้นในคนที่มีอวัยวะเพศยาวกว่าก็จะได้ความยาวที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคนที่มี อวัยวะเพศสั้น - เทคนิคการผ่าตัดสามารถทำได้โดยการเปิดแผลบริเวณหนังหุ้มปลายเหมือนกับการขลิบหนังหุ้มปลาย (สามารถทำพร้อมกับการขลิบหนังหุ้มปลายได้ด้วย) หรือจะเปิดแผลบริเวณโคนอวัยวะเพศเป็นรูปตัว V ได้
- หลังการผ่าตัดยืดเอ็น ยืดอวัยวะเพศมักมีปัญหาการเกิดพังพืดยึดอวัยวะเพศให้สั้นใหม่ การป้องกันอาจทำโดยการใช้ไขมันวางไว้หน้าต่อเอ็นที่ยืดออกแล้วหรือในบางคนอาจใช้แผ่นซิลิโคนขวางไว้ได้นอกจากนั้นแล้วหลังผ่าตัดยังต้องใช้น้ำหนักถ่วงที่อวัยวะเพศประมาณ 1 เดือน เพื่อป้องกันการเกิดพังพืดหดรัดให้อวัยวะเพศสั้นเหมือนเดิม
- ผลของการผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้หลังการผ่าตัดอวัยวะเพศจะมีความรู้สึกเท่าเดิม เหมือนเดิม สามารถแข็งตัวและสอดใส่ขณะร่วมเพศได้แต่จะมีทิศทางขณะที่แข็งตัวเปลี่ยนไป กล่าวคือก่อนการผ่าตัดขณะที่แข็งตัวโดยทั่วไปมุมของอวัยวะเพศเมื่อเทียบกับ ลำตัวจะมีประมาณ 90-120 องศา แต่หลังการผ่าตัดมุมนี้จะลดลงเหลือประมาณ 70-90 องศา แต่สามารถร่วมเพศได้ปกติ ยกเว้นในบางท่าทางที่อาจมีปัญหาบ้าง
2. การยืดแกนกลางอวัยวะเพศ
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ยุ่งยาก ข้อนี้ใช้ในคนที่ เคยทำเทคนิคที่ 1 แล้วและยังสั้นเกินไป การผ่าตัดทำโดยการเปิดแผลที่ปลายอวัยวะเพศเลื่อน ผิวหนังหุ้มปลายลงแล้วทำการแยกเส้นเลือดหลังเส้นประสาทออกจากแกนกลางอวัยวะ เพศแล้วทำการผ่าตัดแกนกลางอวัยวะเพศ จนมีความยาวมากขึ้นแล้วปิดแผลเป็นโดยใช้ผนังเส้นเลือดดำหรือผิวหนัง
วิธีนี้เป็นการยืดส่วนแกนอวัยวะเพศจริง แต่เนื่องจากเทคนิคมีความยุ่งยากและใช้เวลาพักฟื้นนานจึงไม่นิยมทำกัน ในที่นี้จะกล่าวถึงการผ่าตัดเทคนิคที่ 1 เป็นหลัก
การปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัด
- ก่อนการนัดพบแพทย์เพื่อปรึกษาควรเตรียมถ่ายภาพอวัยวะเพศ ขณะที่อ่อนตัวและขณะที่แข็งตัว พร้อมทั้งวัดขนาดในเวลาที่แข็งตัวและอ่อนตัว
- โรคประจำตัวบางชนิด เช่นเบาหวานมีผลต่อแผลผ่าตัด ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อน ถ้าตัดสินใจผ่าตัด
- กรณี ที่สูบบุหรี่หรือมีโรคทางหลอดเลือดอาจมีผลต่อการหายของแผลอาจต้องเลือก เทคนิคที่มีการเปิดแผลผ่าตัดน้อยโดยทั่วไปแนะนำให้งดสูบบุหรี่ 2 อาทิตย์ก่อนผ่าตัด
- ผู้ที่เคยฉีดสารแปลกปลอมต้องระมัดระวังเพราะสารแปลกปลอม มีผลต่อการหายของแผล
- เลือกแผลที่จะผ่าตัดว่าจะลงแผลที่ขลิบหนังหุ้มปลายหรือที่ฐานอวัยวะเพศ
- ถ้าต้องการขลิบหนังหุ้มปลายสามารถทำพร้อมกันได้เลย
- ถ้า ต้องการเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ ก็สามารถทำพร้อมกันได้แต่ต้องระวังเรื่องการเปิดแผล โดยทั่วไปถ้าต้องการเพิ่มขนาดโดยการฉีดไขมันไม่ควรเปิดแผลที่หนังหุ้มปลาย แต่ถ้าเพิ่มขนาดโดย Scaffold หรือใส่ผิวหนังหุ้มรอบควรเปิดแผลที่ปลายอวัยวะเพศ
- ตรวจดูบริเวณกระดูกหัวเหน่า ว่ามีไขมันอยู่มากหรือไม่ ถ้ามีไขมันอยู่มากบริเวณเหนือต่อฐานอวัยวะเพศ การดูดไขมันจะช่วยเพิ่มความยาวของอวัยวะเพศได้บ้าง
- ตรวจดูโคนอวัยวะเพศส่วนที่ติดกับถุงอัณฑะในบางคนอาจมีพังพืดยึดต่อกัน โดยเฉพาะเวลาแข็งตัวการผ่าตัดได้ใช้เทคนิคทางศัลยกรรมตกแต่ง [ Z Plasty ] สามารถช่วยเพิ่มความยาวส่วนล่างนี้ได้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ
- งดสูบบุหรี่หรือยาแก้ปวด 10 วันก่อนผ่าตัด
- เตรียมหยุดงานประมาณ 3 วัน
- อาบน้ำก่อนมารับการผ่าตัด
- โกนขนรอบอวัยวะเพศในวันผ่าตัด
- ถ้ามีโรคประจำตัว เช่นเบาหวาน ความดันโลหิต ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนผ่าตัด
- เตรียมกางเกงใน Boxer หลวมๆใส่หลังผ่าตัด ควรเลือกกางเกงในสีเข้มเนื่องจากหลังผ่าตัด อาจมีน้ำเหลืองซึมเปื้อนได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าถ้าต้องการดูดไขมันที่ฐานอวัยวะเพศด้วย
- ถ้ากังวลมากวันก่อนผ่าตัดอาจทานยานอนหลับได้
- งดน้ำและอาหาร 6 ช.ม.ก่อนผ่าตัด
กรดูแลหลังการผ่าตัด
- ทำความสะอาดแผลทุกวันโดยแพทย์จะนัดทำแผลในวันรุ่งขึ้นหลังจากนั้นผู้ป่วยสามารถทำแผลเองได้
- จะนัดตัดไหมเมื่อประมาณ 7-10 วัน ผู้ที่สูบบุหรี่อาจตัดไหมช้ากว่านี้
- อวัยวะเพศที่ลูกอัณฑะอาจบวมได้ประมาณ 2-3 อาทิตย์
- ห้ามร่วมเพศประมาณ 4 อาทิตย์
- อาจต้องใช้ยาลดการแข็งตัวของอวัยวะเพศในช่วง 10 วันหลังผ่าตัด
- ใช้เทคนิคป้องกันการหดรั้ง 4 อาทิตย์หลังตัดไหม เพื่อป้องกันการหดรั้งกลับของอวัยวะเพศ ( อาจต้องทำประมาณ 6 เดือน )
- หลีกเลี่ยงการดูภาพหรือหนังสือที่กระตุ้นความรู้สึกทางเพศเพราะจะทำให้เจ็บปวดแผลเวลาแข็งตัว
ผลการผ่าตัด
- ไม่มีผลต่อการร่วมเพศ หรือการปัสสาวะ
- ความรู้สึกทางเพศในอาทิตย์แรกอาจเปลี่ยนแปลงไป และจะกลับมาเหมือนเดิม ภายในระยะเวลา 1 – 2 เดือน
- หลังผ่าตัดอวัยวะเพศจะแข็งตัวในทิศทางที่เปลี่ยนไปได้
- ความยาวที่เพิ่มขึ้น จะได้ประมาณ 1/2 – 2 นิ้ว ขึ้นอยู่กับกายภาพของผู้ป่วยแต่ละคน
- การเพิ่มขนาดควรทำหลังจากเพิ่มความยาวประมาณ 3 – 6 เดือน