ตกแต่งลูกกระเดือก
การผ่าตัดตกแต่งลูกกระเดือก (thyroid chrondoplasty) เปลี่ยนรูปร่างของลูกกระเดือกที่นูนซึ่งเป็นลักษณะ ทางเพศของเพศชายให้แบนราบลงคล้ายกับลำคอของผู้หญิงที่ไม่มีลูกกระเดือกให้ เห็นการผ่าตัดเป็นการลดความนูนของลูกกระเดือกเท่านั้น
การผ่าตัดอาจทำโดยการฉีดยาชาหรือวางยาสลบการผ่าตัดชนิดนี้เป็นการผ่าตัด เพื่อให้ลูกกระเดือกแบนราบลง ไม่ได้เป็นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนเสียงพูดการผ่าตัดสามารถลดความสูงของลูก กระเดือกลงได้ระดับหนึ่ง เพื่อให้ลดความนูนแต่ไม่สามารถทำให้แบนราบมากได้เพราะอาจมีอันตรายกับกล่อง เสียงซึ่งอยู่ด้านหลังของลูกกระเดือก
ลูกกระเดือก (adam’s apple) เป็นส่วนที่นูนของกระดูกอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของกล่องเสียงโดยกระดูกอ่อนนี้มี ชื่อว่า กระดูกอ่อนไทรอยด์ กระดูกอ่อนนี้อยู่ที่ต้นทางของหลอดลมและทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของกล่อง เสียง ลักษณะของกระดูกอ่อนนี้จะมีลักษณะเป็นรูปโล่สี่เหลี่ยม 2 ชิ้นวางคู่กัน
ส่วนที่อยู่ด้านหน้าสุดจะมีลักษณะนูนเด่นมากกว่าในเพศหญิง เนื่องจากมุมระหว่างกระดูก 2 ชิ้นในเพศชายทำมุมประมาณ 90 องศาแต่ในเพศหญิงมุมระหว่างกระดูกอ่อน 2 ชิ้นจะทำมุมประมาณ 120 องศาทำให้กระดูกอ่อนกางออกจึงมีความนุนน้อยกว่าเพศชาย
กระดูกอ่อนของลูกกระเดือกในผู้ที่มีอายุน้อย (18-29 ปี) กระเดือก(thyroid cartilage ) มักจะมีโครงสร้างเยื่อกระดูกอ่อน ทำให้ผ่าตัดออกได้ง่าย สามารถทำได้โดยการฉีดยาชา แต่กับผู้ป่วยที่มีอายุมาก (30 ปีขึ้นไป) ในบางคนอาจมีแคลเซียมสะสม ทำให้กลายเป็นกระดูกแข็ง การผ่าตัดต้องทำโดยการกรอกระดูก ทำให้ไม่สามารถทำโดยใช้ยาชาได้ โดยทั่วไปถ้ามีอายุมากแนะนำให้ทำโดยการดมยาสลบจะผ่าตัดง่ายกว่า
เทคคิคการผ่าตัดตกแต่งลูกกระเดือก
สารบัญ
ทำโดยเปิดแผลผ่าตัดใต้คาง โดยทั่วๆ ไปจะพยายามให้แผลผ่าตัดอยู่สูงที่สุด เพื่อที่คนอื่นๆ จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้เวลามองหน้าตรง
โดยทั่วไปการผ่าตัดจะลงแผลตามขวางเพื่อให้เข้ากับรอยพับที่คอทำให้เห็น แผลเป็น ไม่ชัด การตกแต่งกระดูกอ่อนไทรอยด์เป็นการลดส่วนที่นูนด้านหน้าสุดให้ราบลงโดยทั่ว ไปความนูนจะยังคงมีเหลืออยู่บ้างเพราะเราไม่สามารถตัดกระดูกอ่อนชนิดนี้ออก ไปมากๆ ได้เพราะอาจมีอันตรายต่อกล้ามเนื้อและเส้นประสาทของกล่องเสียง การผ่าตัดจะทำการตัดแต่งกระดูกอ่อนส่วนด้านหน้าให้ราบลงโดยที่ไม่มีผลต่อการ ออกเสียง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดตกแต่งลูกกระเดือก
- ในกรณีที่ดมยาสลบ ควรงดน้ำและอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
- ในคนที่อายุมาก มักมีแคลเซียมเกาะที่บริเวณกระดูกอ่อน ทำให้ไม่สามารถตัดตามปกติได้
ต้องใช้เครื่องกรอ อาจต้องดมยาสลบเพื่อทำผ่าตัด - งดยากลุ่ม Aspirin 10 วันก่อนผ่าตัด
- เตรียมตัวหยุดงานประมาณ 7 -10 วัน
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณ เช่น เบาหวาน, โรคหัวใจ และยาที่แพ้ เช่น
เพนนิซิลิน, ซัลฟา ฯลฯ - ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ไม่ควรมารับการผ่าตัด เนื่องจากเครื่องจี้ไฟฟ้าอาจมีผลต่อการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจได้
- ถ้ามีความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมให้ต่ำกว่า 140/90 mm Hg (มิลลิเมตร ปรอท)
ก่อนมารับการผ่าตัด - ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัด
- งดสมุนไพรบางชนิดเช่นกระเทียมหรือใบแปะก๊วยและวิตามินอีประมาณ 10 วันก่อนผ่าตัด
- เตรียมตัวหยุดงานประมาณ 3 วัน หลังผ่าตัดเพราะอาจมีอาการบวมเขียวช้ำที่ลำคอได้
การปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัดตกแต่งลูกกระเดือก
ก่อนการผ่าตัดจะต้องทำการประเมินว่าจะต้องใช้เทคนิควิธีการใดในการผ่าตัด
- เลือกที่จะดมยาสลบหรือฉีดยาชาทำผ่าตัด คือที่ได้ทราบแล้วว่าในคนที่อายุมากกว่า 30 ปี กระดูกอ่อนบริเวณนี้จะเปลี่ยนสภาพเป็นกระดูกแข็งทำให้การตัดแต่งทำได้ยากและ อาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษเช่นการเครื่องกรอ เครื่องมือตัดกระดูกซึ่งบางกรณีการฉีดยาชาอาจไม่เพียงพอให้ทำผ่าตัดได้ ดังนั้น จึงต้องปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจก่อนว่าเทคนิคที่ทำยุ่งยากมากหรือไม่สามารถทำโดย การฉีดยาชาได้หรือไม่
- แผลเป็นที่เป็นแผลทางเข้า โดยทั่วไป ในขณะที่ปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัดจะวาดตำแหน่งของแผลที่จะผ่าตัดในท่านั่งหรือ ยืนแล้วเงยหน้าโดยทั่วๆ ไปเราจะลงแผลให้อยู่สูงที่สุดเพื่อซ่อนอยู่ใต้คางแต่ถ้าแผลสูงเกินไปก็อาจทำ ให้การผ่าตัดทำได้ยากดังนั้นขณะที่ปรึกษาจะต้องประเมินว่าควรเปิดแผลที่ ระดับใดซึ่งจะซ่อนแผลเป็นและผ่าตัดได้ง่าย
ขณะที่เงยหน้าแผลผ่าตัดที่จะลงจะอยู่สูงกว่าตำแหน่งของลูกกระเดือกประมาณ 2 – 3 เซนติเมตรเพื่อซ่อนแผลเป็นและถ้าก้มหน้าเป็นท่าตรงแผลเป็นก็จะซ่อนที่รอยพับ ของคอและคางพอดี ถ้าก้มหน้าแล้วยังมองเห็นแผลเป็นอาจต้องเลื่อนตำแหน่งที่วาดแผลเป็นให้สูง ขึ้นไปอีกเพื่อให้คางสามารถบังแผลเป็นได้ - ดูเสียงพูดด้วยว่ามีเสียงแหบก่อนผ่าตัดหรือไม่
การดูแลหลังผ่าตัดตกแต่งลูกกระเดือก
- โดยทั่วไปเสียงพูดจะไม่เปลี่ยนไปถ้าเสียงมีการเปลี่ยนแปลงควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อการรักษาเพิ่มเติม
- วันแรกเปิดพลาสเตอร์ปิดแผลออกได้แล้วใช้ครีมแก้อักเสบทาที่แผลเช้า-เย็น
- ถ้ามีเลือดออกหรือบวมมากผิดปกติควรติดต่อแพทย์ทันที
- แพทย์จะนัดตัดไหม 5 วัน
- แผลเป็นจะเห็นได้ชัดใน1เดือนแรกหลังจากนั้นจะเห็นชัดน้อยลง
- อาทิตย์ที่ 2 – 4 อาจนวดที่แผลเป็นเพื่อลดความตึงของแผล
- อาทิตย์ที่ 2 สามารถทายารักษาแผลเป็นได้โดยทาครีมกันแดดในตอนเช้าและทาวิตามินอีเวลา เช้า-เย็น