การผ่าตัดแก้ไขพังผืดรัดหลังการเสริมหน้าอก
ปัญหาที่เกิดได้บ่อยหลังการเสริมหน้าอกโดยใช้ถุงเต้านมเทียม คือการเกิดพังผืดแข็ง โดยทั่วไปทุกๆคนที่เสริมหน้าอกโดยใช้ถุงเต้านมเทียมจะเกิดพังผืดล้อมรอบถุงเต้านม เรียกว่าแคปซูล ถ้าพังผืดหนามากจะทำไห้เกิดรูปทรงเต้านมเปลี่ยนไปและแข็งขึ้น เวลาสัมผัส และมีภาวะแข็งมากและอาจจะมีการเจ็บปวดร่วมด้วย
การเกิดเต้านมแข็ง อาจแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับโดยการใช้การแบ่งแบบ BAKER
- ระดับที่ 1 ไม่มีพังผืดรัด เป็นเต้านมที่นิ่มตามปกติ ถุงเต้านมคลำไม่ได้ และมองไม่เห็นการแข็งของเต้านม
- ระดับที่ 2 มีพังผืดเล็กน้อย รู้สึกว่าถุงซิลิโคนขยับได้น้อย และตึงๆมือ แต่ยังขยับได้ ถุงมีลักษณะไม่นิ่มเหมือนปกติ
- ระดับที่ 3 เกิดพังผืดแบบปานกลาง ถุงเต้านม มองเห็นได้ชัดเจนและมองเห็นเป็นก้อนดูไม่เป็นธรรมชาติ
- ระดับที่ 4 เกิดพังผืดแข็งมาก เต้านมมองดูเป็นก้อนและแข็งตึง มีรูปร่างผิดปกติและอาจอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติ การหดรัดของพังผืดทำให้รูปร่างของถุงซิลิโคนเปลี่ยนไปมากจนมองเห็นผิดปกติ อาจมีอาการปวดร่วมด้วย โดยอาการปวดนั้น จะเป็นๆหายๆ หรือปวดตลอดเวลา
“การเกิดพังผืดสังเกตได้ 5-8%”
สาเหตุที่เชื่อว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับการเกิดพังผืดหดรัด ได้แก่
- 1. การเกิดภาวะเลือดออกในช่องว่าง
- 2. การติดเชื้อในระดับต่ำ เชื่อว่ามีการติดเชื้อในชั้น BIOFILM ที่หุ้มรอบผิวซิลิโคน ทำไห้เกิดพังผืดได้
- 3. การสูบบุหรี่มีผลให้ เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื้อต่างๆน้อยลงทำไห้มีออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์น้อย ทำไห้มีโอกาสเกิดพังผืดได้ง่าย
- 4. การรั่วไหลของเจลจากถุงซิลิโคน ถุงเจลในอดีตบางบริษัทมีการผลิตไม่ได้มาตรฐาน ทำไห้เจลที่เป็นของเหลวรั่วไหลออกนอกถุงได้ การใช้เจลที่ ไม่ไหลภายในและการทำเปลือกถุง แข็งเรงขึ้นในปัจจุบันช่วยให้ลดปัญหา การรั่วไหลของเจล ผ่านเปลือกถุงช่วยลดปัญหาการเกิดพังผืดรัด
วิธีการที่จะลดปัญหาและแก้ไขปัญหาการเกิดพังผืด
สารบัญ
- การใส่ถุงระดับใต้กล้ามเนื้อ การยืดหดของกล้ามเนื้อตลอดเวลาบนถุงเต้านม จะมีลักษณะเหมือนกับการนวดเต้านมโดยธรรมชาติ จึงช่วยลดอัตราการเกิดพังผืด
- การนวด การนวดสม่ำเสมอทุกวันในช่วงเดือนแรก ช่วยยืดแคบซูลให้มีการขยายออก และช่วยให้ถุงเต้านมนิ่ม
- การใช้ถุง Poly urethane ซึ่งเป็นถุงเต้านมแบบพิเศษที่มีการใช้ในอดีต และบางประเทศใช้ ในปัจจุบัน ถุง Poly urethane เป็นถุงเต้านมเทียมแบบเจล มีการผลิตทั้งแบบหยดน้ำและทรงกลม มีลักษณะภายในเหมือนถุงเต้านมเทียมแบบเจลทุกประเภท แต่ภายนอกสุดปิดด้วยแผ่นโฟมโพลียูริเทน ถุงโพลียูรีเทน เป็นถุงที่ช่วยลดอัตราการเกิดพังผืดได้มากจาก 7-10% ลดลงเหลือน้อยกว่า 1% หลังจากใส่ถุงไป 4-5 ปี โฟมที่เคลือบจะค่อยๆสลายไปกลายเป็นถุงเจลธรรมดา
*”ปัญหาถุงโพลียูริเทน คือแผ่นโฟมที่สามารถสลายได้ เปลี่ยนเป็นสารที่เรียกว่า 2-4 TDA ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในสัตว์ทดลอง แต่ไม่ได้มีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ทำไห้ FDA ในอเมริกาออกกฎห้ามใช้ถุงชนิดนี้ตั้งแต่หลายปีก่อน อย่างไรก็ตาม จากสาร 2-4 TDA มีการตรวจพบในปริมาณที่น้อยมากและไม่มีหลักฐานแน่ชัด ถึงความเกี่ยวข้องกับมะเร็งในมนุษย์ ทำไห้มีการนำถุงโพลียูรีเทน มาใช้ใหม่ในยุโรปและบางประเทศเป็นที่ทราบว่าถุงโพลียูรีเทน เป็นถุงที่ช่วยลดปัญหาการเกิดพังผืดได้ดี ทำไห้มีการคิดหาถุงเจลใหม่ที่มีผิวเหมือนกับแผ่นโฟมโพลียูรีเทน โดย Mentor ใช้วิธีการทำผิวทรายโดยใช้ ถุงเจลที่เป็นแผ่นทรายมาอัดทับบนแผ่นโฟมเพื่อให้ผิวเหมือนโฟม แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการเกิดพังผืดของถุงเจลที่มีผิวทรายด้วยวิธีนี้ ยังสูงกว่าการเกิดพังผืดของถุงโพลียูริเทนอยู่มาก*” - ยา การใช้ยาบางชนิด อาจช่วยลดพังผืดเช่น
- สเตียร์รอย ใช้ในตำแหน่งช่องว่างที่สร้าง เพื่อใส่ถุง แต่อาจมีปัญหาเรื่องผิวหนังที่บางลง และมีการเลื่อนลงของถุงได้
- ยารับประทานบางชนิดอาจช่วยลดพังผืดเช่น
- Vitamin E ได้ผลไม่แน่นอน
- Papavarime
- Zafirlukast (Acculate) และ Singulair ยา 2 ชนิดเป็นยาที่ใช้รักษาหอบหืด การออกฤทธิ์เป็นเรื่องของการต้านการอักเสบของยา โดยที่ Acculate ให้ใช้ 20 mg. วันละ 2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม Acculate เป็นยาที่ไม่มีในประเทศไทย ยาที่ใช้ทดแทนได้แก่ Singulair
- อัลตราซาวด์ การใช้อัลตราซาวด์อาจช่วยลดความแข็งของพังผืด โดยช่วยลดการอักเสบภายใน เพิ่มช่องทางเดินน้ำเหลือง ขบวนการทำงานของอัลตร้าซาวด์ เหมือนเป็นการนวดโดยใช้คลื่นช่วยลดอาการบวม การใช้อัลตร้าซาวด์ อาจช่วยทำลายผนังแคปซูลให้บางลง
- การนวดหลังผ่าตัด การนวดอาจช่วยลดการเกิดพังผืดรอบถุงได้ แต่ในถุงทรงหยดน้ำไม่แนะนำให้นวด เพื่อป้องกันการหมุนของถุง แต่ถ้าจะนวด ถุงทรงหยดน้ำ ให้รอหลังจากการผ่าตัด 3 อาทิตย์ เพราะเป็นเวลาที่พังผืดรอบๆแข็งแรงไม่เกิดการหมุน
- การใช้ผ้ารัดเต้านม เพื่อขยับตำแหน่งของถุงเต้านม อาจช่วยลดพังผืด โดยผ้ารัดจะออกแรงต้านกับกล้ามเนื้อหน้าอก ทำไห้กล้ามเนื้อมีแรงกดไปที่ถุงซิลิโคนมากขึ้น
การรักษาพังผืด
1. การรักษาโดยการนวดและการใช้ยา
กรณีที่เกิดพังผืดระยะแรกหรือ พังผืดไม่แข็งมาก การนวดช่วยให้พังผืดนิ่มลง วิธีการนวด ทำเพื่อให้พังผืดขยายและนิ่มขึ้น การนวดแบบรุนแรงเพื่อให้ พังผืดแยกจากกัน หรือแตกออกที่เรียกกันว่า ป๊อปนม ไม่แนะนำให้ทำ เพราะอาจทำให้ถุงเต้านมแตกได้ หรืออาจมีการแยกของพังผืดด้านเดียว รูปร่าง รูปทรงของเต้านมมักจะไม่สวยงาม
การนวดเพื่อขยายพังผืด ควรนวดทุกวัน วันละ 2-3 ครั้งเป็นเวลา 2-3 เดือน โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ยา Acculate 20mg. วันละ 2 ครั้งหรือยาในประเทศไทย อาจใช้ยา Singulair แทนได้ อนึ่งการใช้ยาและการนวดจะได้ผล ในกรณีที่มีการเกิดพังผืด ระดับที่ 2-3 ระดับที่ 4 มักไม่ค่อยได้ผล
2. การผ่าตัด
เทคนิคที่ 1 การเปลี่ยนตำแหน่งหรือย้ายระดับ
การผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของถุงเต้านมเทียม วิธีการดังกล่าว สามารถทำได้โดยเปิดถุงพังผืดแล้วเอาถุงเต้านมเทียมออก แล้วใส่ถุงกลับไปในตัวหน้าอกใหม่ในอีกระดับหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นตำแหน่งเหนือกล้ามเนื้อหน้าอกหรือใต้กล้ามเนื้อหน้าอกก็ได้ โดยบางครั้งอาจใช้ถุงเต้านมเดิม หรืออาจต้องใช้ถุงเต้านมใหม่ การเปลี่ยนตำแหน่งถุง อาจเปิดแผลเดิม โดยเปิดตำแหน่งใต้รักแร้ ปานนม หรือใต้ราวนม
วิธีการผ่าตัดเพื่อย้ายระดับมักทำได้ โดยแผลผ่าตัดทุกแผลยกเว้น กรณีที่พังผืดแข็งมากไม่สามารถ ขยายช่องว่างตำแหน่งอื่นได้ อาจจะต้องขยายพังผืดแทน
วิธีการย้ายระดับอาจทำได้โดย
A. ย้ายจากใต้กล้ามเนื้อมาเป็นเหนือกล้ามเนื้อ ใช้ในคนที่มีเนื้อเต้านมพอ หรือเต้านมคล้อยอยู่แล้ว กรณีนี้ทรงของเต้านมจะดูสวยงามตั้งแต่แรก เพราะส่วนของถุงเต้านมใหม่อยู่เหนือช่องว่างเดิม
B. ย้ายจากเหนือไปใต้กล้ามเนื้อ ได้ประโยชน์ในคนที่เต้านมบางและหย่อนยานไม่มาก หรือคลำขอบถุงได้ชัดเจน เนื่องจากวิธีนี้เป็นวิธีขยายช่องใหม่ของใต้ช่องว่างเดิม รูปทรงของเต้านมหลังผ่าตัดจะดูไม่สวยงาม และจะอยู่สูงในระยะแรก อาจคลำได้ขอบถุงเดิมที่อยู่ใต้ผิวหนัง ต้องรอประมาณ 3 เดือนถุงเต้านมในตำแหน่งใหม่ก็จะคล้อยลง และพังผืดเดิมที่อยู่ในระดับบน ก็จะนิ่มและเป็นธรรมชาติ
C. การย้ายไปในตำแหน่งช่องว่างใหม่ ที่เหนือช่องว่างเดิม ใช้หลังกรณีที่เราไม่ต้องตัดพังผืดออก การสร้างช่องว่างในตำแหน่งเดิม เหนือพังผืด ก็ช่วยให้ถุงอยู่ในตำแหน่งใหม่ที่นิ่มขึ้นได้ ตำแหน่งที่ใส่ถุงใหม่ มักใช้กับกรณีเดิมที่ผ่าตัดใต้กล้ามเนื้อ เราเรียกว่าการสร้างช่องใต้กล้ามเนื้อใหม่ (Neosuppectoral) แต่การใช้ถุงเดิมในคนไข้ที่เสริมเหนือกล้ามเนื้อ การสร้างช่องว่างในระดับเหนือกล้ามเนื้อใหม่ บนช่องเดิมเรียกว่าช่องใต้เนื้อเต้านมใหม่ (Neosuppectoral) เป็นวิธีแก้ปัญหาในบางรายได้เช่นกัน
เทคนิคที่ 2 การผ่าตัดแก้ไขพังผืด
การผ่าตัดเลาะถุงพังผืดออก อาจทำเพียงแค่ตัด เปิดบางส่วนของ Capsulotomy หรือตัดเอาพังผืดทั้งหมดออก Capsulotomy การผ่าตัดเลาะเอาพังผืดออก ต้องทำโดยการลงแผลที่บริเวณปานนม หรือขอบเต้านม ไม่สามารถผ่าตัดผ่านทางรักแร้ได้ ยกเว้นกรณีที่ผ่าตัดโดยใช้กล้อง วิธีนี้จะสามารถเอาพังผืดออกได้ด้วย โดยเฉพาะกลุ่มพังผืดที่มีแคลเซียมเกาะ
A. การขยายพังผืด( Capsulotomy ) ในกรณีที่ใส่ถุงไว้ใต้กล้ามเนื้อ การผ่าตัดโดยการขยายพังผืดสร้างตำแหน่งโดยไม่ต้องผ่าตัดพังผืดที่ติดกับกระดูกซี่โครงเพราะอาจเกิดการทะลุกับกล้ามเนื้อที่อยู่ระหว่างซี่โครงได้ การขยายพังผืดถ้าทำได้ดี และสร้างช่องว่างกว้างก็จะทำไห้ถุงนิ่มลงได้ ในกรณีของเหนือกล้ามเนื้อเป็นการขยายพังผืด อาจทำทุกทิศทางแต่ในรายที่ผิวหนังบางมากมักจะหลีกเหลี่ยงการขยายพังผืดบริเวณด้านหน้าส่วนที่ติดกับผิวหนัง
B. การเกิดพังผืดทั้งหมด ( Capsulotomy) ในกรณีการเกิดพังผืดระดับเหนือกล้ามเนื้อ แต่ในระดับใต้กล้ามเนื้อ จะทำเฉพาะในคนที่มีปัญหา ALCL
การปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัด
- ควรตัดสินใจว่าต้องการเปลี่ยนถุงเต้านมด้วยหรือไม่
- เตรียมหยุดงาน ประมาณ 1-2 อาทิตย์
- เลือกวิธีการผ่าตัด เทคนิคที่ 1 หรือ 2
- เลือกแผลผ่าตัด ถ้าผ่าตัดพังผืดแบบแคปซูล ควรเลือกแผลปานนมหรือใต้ราวนม แผลรักแร้มักจะทำได้ ในกรณีที่ต้องย้ายระดับการใส่เท่ากัน
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- งดอาหารและน้ำ 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
- ถ้ามีโรคประจำตัวควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
- งดยาแก้ปวดกลุ่ม ทัมใจ หรือ Aspirin 10 วันก่อนผ่าตัด
- เตรียมหยุดงานประมาณ 5-7 วันหลังผ่าตัด
- เตรียมยกทรงขนาดใหม่ถ้าต้องการเปลี่ยนขนาดถุงให้มีขนาดเล็กลงหรือใหญ่ขึ้น
- หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน
- ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้าห้องผ่าตัด
- ตรวจเลือดดูระบบโลหิต การทำงานของไต เอ็กซเรย์ปอด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- ถ้าอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 35 ปี ควรพาเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด
- โกนขนรักแร้ในวันที่มารับการผ่าตัด
- อุปกรณ์ ของมีค่าถ้าไม่จำเป็นควรเก็บไว้ที่บ้าน
ขั้นตอนการผ่าตัด
- ทำโดยดมยาสลบ
- ทำการลงแผลผ่าตัดซึ่งอาจอยู่ที่ปานนม รักแร้ หรือใต้ราวนม แพทย์จะสร้างตำแหน่งใส่ถุงเต้านมใหม่และเลาะเอาพังผืดออกตามที่ตกลงก่อนผ่าตัด
- นำถุงเต้านมเทียมออก และใส่ถุงใหม่เข้าไป
- เย็บปิดแผลที่ใส่ถุงเต้านมเทียม
การดูแลหลังผ่าตัด
- วันแรกหลังการผ่าตัด แพทย์จะเอาสายระบายน้ำเหลืองออกแล้วคลายผ้าพันแผลให้หลวม
- วันที่ 3 หลังการผ่าตัด ให้ถอดผ้ายืดออก แล้วเปิดแผลทั้ง 2 ข้าง แล้วใส่ชุดชั้นในแบบ Sport Bra หรือไม่มีโครง
- สามารถอาบน้ำถูสบู่ถูกแผลได้ทันที
- ควรใส่บราทั้งกลางวันและกลางคืนในช่วงอาทิตย์แรก
- วันที่ 5-7 จะนัดมาทำการตัดไหมและตรวจเต้านม เริ่มทำการนวดเบาๆ
- ไม่ควรยกของหนัก หรือ ออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าอก ประมาณ 2 อาทิตย์
- อาทิตย์ ที่ 2 เริ่มทำการนวดเต้านม วันละ 10-15 นาที อย่างน้อย 2 หนต่อวัน ขณะอาบน้ำ
- ถ้าจะตั้งครรภ์ควรรอ 6 เดือนจึงตั้งครรภ์ได้
- ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบ โดยแพทย์จะนัดตัดไหมประมาณ 1 อาทิตย์
- ควรนวดคลึงเต้านมบ่อยๆ อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาโพรงที่ใส่ถุงนมมีการหดรัดรอบถุงขึ้นมาใหม่ ทำไห้เต้านมแข็งและหดเป็นก้อน