ศัลยกรรมเสริมหน้าอก
การผ่าตัดเสริมหน้าอก หรือเพิ่มขนาดหน้าอกนั้น ปัจจุบันนี้เป็นที่ได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าสมัยก่อน เนื่องจากมีเทคนิคและวิธีการผ่าตัดจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ทำให้ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกหรือต้องการทำให้หน้าอกมีรูปทรงสวยงามมากขึ้น ทั้งนี้การเสริมหน้าอกให้สวยงามมีหลายทางเลือก แต่หากจะให้ปลอดภัยต้องทำการผ่าตัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจึงจะดีที่สุด ซึ่งในปัจจุบันการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมเทียม หรือถุงซิลิโคนเป็นที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากมีรูปร่างที่สวยงามและมีความแข็งแรง สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอด หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน โดยในประเทศไทยมีการนำเข้าถุงซิลิโคนจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งในที่นี้ทาง BCS Clinic ขอกล่าวถึงถุงซิลิโคนที่ได้รับการยอมรับและนิยม โดยทั้งยังมีใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ดังนี้
ถุงน้ำเกลือ (Saline Filled Breast Implant)
เป็นถุงซิลิโคนด้านนอก ส่วนด้านในของตัวถุงจะบรรจุน้ำเกลือ ขณะผ่าตัดเมื่อแพทย์วางตำแหน่งที่ต้องการแล้ว จากนั้นก็จะเติมน้ำเกลือในปริมาณที่ตกลงกันกับผู้ได้รับการผ่าตัดไว้ หรือตามความเหมาะสมตามที่แพทย์เห็นสมควร ซิลิโคนแบบถุงน้ำเกลือเป็นที่นิยมมากในระยะแรก เนื่องจากถุงน้ำเกลือเป็นถุงที่มีความปลอดภัยสูงในเรื่องสารแปลกปลอม เพราะหากน้ำเกลือที่อยู่ในถุงมีการรั่วหรือซึมออกมาภายนอกถุง ก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย และร่างกายสามารถดูดซึมน้ำเกลือดังกล่าวได้ทั้งหมด เนื่องจากปัจจุบันการใช้ถุงน้ำเกลือนิยมใช้น้อยลง อีกทั้งบริษัทส่วนใหญ่ยกเลิกการนำเข้าถุงน้ำเกลือ ดังนั้นผู้ที่จะทำถุงน้ำเกลืออาจจะต้องมาปรึกษา เพื่อเลือกขนาดและรูปทรงก่อนประมาณ 1-2 เดือน เพราะอาจจะต้องสั่งนำเข้าเพื่อนำมาผ่าตัด
Round Saline Breast Implants
SPECTRUM® Adjustable Saline Breast Implants
ข้อดีและข้อเสียของถุงน้ำเกลือ
ข้อดี
- ภายในถุงบรรจุน้ำเกลือไม่มีสิ่งแปลกปลอม หากมีการรั่วซึมร่างกายสามารถดูดซับได้หมด โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย
- ในระหว่างผ่าตัด ถ้ามีถุงขนาดเล็กกว่าที่ควร สามารถเพิ่มเติมน้ำเกลือได้เล็กน้อย
ข้อเสีย
- หน้าอกมีการแฟบลงหลังมีการรั่วซึมของน้ำเกลือภายในถุง ทำให้ต้องทำการผ่าตัดใหม่เพื่อแก้ไข
- คลำพบรอยย่นของถุง เป็นเพราะน้ำเกลือซึ่งสั่นไหวไปมา ทำให้ผิวด้านล่างของถุงเกิดรอยย่นปัญหานี้มักเกิดกับผู้ที่มีรูปร่างผอมบาง
- เต้านมมีการกระเพื่อม ซึ่งผู้ที่ใส่ถุงน้ำเกลือจะรู้สึกหรือได้ยินเสียงกระเพื่อมของเต้านม โดยมากมักเกิดจากขณะผ่าตัดแล้วไล่อากาศออกไม่ดี แต่อากาศเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นเอง
- ความรู้สึกและสัมผัสเต้านมไม่เป็นธรรมชาติ
ถุงซิลิโคนเจล (Silicone Gel Filled Breast Implant)
1. ถุงเจลธรรมดา (Silicone gel)
โดยมากจะผลิตในรูปแบบของทรงกลม ถุงจะมีความนิ่มและสัมผัสเป็นธรรมชาติมาก แต่เจลในถุงซิลิโคนจะสามารถไหลไปตำแหน่งอื่นๆได้ เช่น ขณะยืนเนื้อเจลจะไหลลงข้างล่าง ทำให้ส่วนบนของถุงดูบางลง อาจเกิดการพับของถุงได้ และด้วยซิลิโคนแบบธรรมดาที่มีความหนาแน่นน้อยทำให้มีความเหลวมาก หากมีการฉีกขาดของถุง เนื้อเจลอาจจะไหลออกมาภายนอกถุงได้
2. ถุงเจลที่มีความหนาแน่นสูง (Cohesive gel)
โดยมากจะผลิตในรูปแบบของทรงกลม ถุงเจลจะมีความนิ่มแต่น้อยกว่าถุงเจลแบบธรรมดา แต่จะยังคงเป็นธรรมชาติอยู่ และยังมีการคงรูปทรงของถุงไว้ แม้มีการเปลี่ยนท่าทาง การคลำพบรอยพับของถุงน้อย หากมีการรั่วซึมหรือฉีกขาดของถุง โอกาสที่เจลภายในถุงจะไหลออกมาภายนอกน้อย เนื่องจากเนื้อเจลมีความหนืดมากกว่าเจลธรรมดา
3. ถุงเจลที่มีความหนาแน่นสูงมาก (High cohesive gel) หรือทรงหยดน้ำ Anatomical Silicone Implant
ถุงจะมีลักษณะนิ่มน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นเจลที่มีความหนืดมากและมีความหนาแน่นสูง หากมีการรั่วซึมของเปลือกถุง ซิลิโคนชนิดนี้ก็จะไม่ไหลออกมานอกถุง ถุงเจลชนิดนี้จะมีรูปร่างคงเดิมตลอดเวลาที่ใส่อยู่ในร่างกาย แต่เวลาสัมผัสก็ยังคงความนิ่มอยู่
ขนาดและรูปทรงของถุงซิลิโคน
โดยทั่วไปขนาดของถุงซิลิโคนแต่ละแบบขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตกำหนดขึ้นตั้งแต่ 100 cc. – 800 cc. ผู้ต้องการผ่าตัดสามารถใส่ได้ตามฐานของเต้านมแต่ละบุคคล หรือตามดุลยพินิจของแพทย์ เพื่อลดการเสี่ยงในการเกิดปัญหาหลังผ่าตัด
รูปทรงของซิลิโคน
ปัจจุบันถุงซิลิโคนมีการผลิตใน 2 รูปแบบ คือ
ทรงกลม (ROUND IMPLANT)
มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม เมื่อใส่เข้าไปในร่างกายจะมีลักษณะกลมแบน การใส่ถุงทรงกลมอาจไม่เป็นธรรมชาติ เวลานอนถุงจะไม่คล้อยไปด้านข้าง แต่จะมีรูปร่างกลม ถุงทรงกลมจะมีการผลิตให้มีความกว้างของฐานและความสูงแตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะความต้องการของผู้รับบริการ
ทรงหยดน้ำ (Anatomical Implant)
ลักษณะเหมือนเต้านมธรรมชาติ คือ ถ้ามองจากถุงจะมีลักษณะเป็นวงรี มองจากด้านข้าง ด้านล่างจะมีลักษณะใหญ่ ส่วนด้านบนจะมีลักษณะเล็ก (ลักษณะคล้ายกับรูปปิรามิด) จากการออกแบบจะทำให้ทรงหยดน้ำมีด้านล่างมากกว่าด้านบน ถุงทรงหยดน้ำจะผลิตมาในรูปแบบผิวสัมผัสเป็นผิวทรายเท่านั้น เนื่องจากเกาะกับเนื้อเยื่อได้ดี ไม่ทำให้เกิดการหมุนของถุง การผ่าตัดโดยใช้ถุงทรงหยดน้ำจะยากกว่าทรงกลม ฉะนั้นจึงจะต้องทำในแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญจึงจะดีที่สุด และเนื่องจากลักษณะหน้าอกที่ต่างกัน เช่น หน้าอกมีความสั้น ความยาว ความแคบ เป็นต้น ดังนั้นผู้ผลิตจึงผลิตออกมาได้หลายแบบ เพื่อรองรับความแตกต่าง ทำให้หลังการผ่าตัดเต้านมมีความสวยงามสมส่วนมากขึ้น
ลักษณผิวของถุงซิลิโคน
ผิวเรียบ
(Smooth Implant) จะมีความหนาน้อยกว่าผิวทราย ทำให้เวลาสัมผัสจะรู้สึกนิ่มกว่า การเคลื่อนถุงทำได้ง่ายและรอบทิศทาง โอกาสในการเกิดรอยพับของถุงน้อยกว่าผิวทราย รวมถึงการเกิดพังผืดมากกว่าผิวทรายเช่นกัน
ผิวทราย
(Textured Implant) จะมีความหนากว่าผิวเรียบ และด้วยผิวสัมผัสที่เป็นผิวทรายทำให้เกิดรอยพับของถุงมากกว่าผิวเรียบ การเคลื่อนถุงสามารถทำได้ในระดับหนึ่งไม่สามารถเคลื่อนไหวรอบทิศทางเหมือนผิวเรียบได้
ผิวทรายละเอียด
(Micro Textured)
ผิวทรายละเอียดมาก
(Nano Textured) เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากผิวทราย เริ่มมีการทดลองใช้ในปัจจุบัน ซึ่งถุงทรายแบบละเอียดมากนี้ผลิตโดยบริษัท Motiva บริษัทเดียวเท่านั้น
ตำแหน่งแผลผ่าตัด
ทคนิคที่ 1 : แผลซ่อนในรอยพับของรักแร้ (2-3 cm.) เป็นเทคนิคที่นิยมทำกันมากที่สุด เพราะแผลเป็นถูกซ่อนไว้ในร่องรักแร้ (ARMPIT)
เทคนิคที่ 2 : แผลขนานขอบปานนม (3 cm.) สามารถทำได้เฉพาะผู้ที่มีปานนมใหญ่เพียงพอที่จะใส่ถุงเต้านมได้
เทคนิคที่ 3 : แผลใต้ราวนม (3-4 cm.) ซ่อนในขอบล่างของบรา เป็นแผลผ่าตัดที่อยู่ใต้ขอบของราวนม การใช้วิธีนี้สามารถจัดตำแหน่งและทรงของถุงเต้านมเทียมได้ดี แต่มีข้อเสียคือ แผลเป็นจะเห็นชัดโดยเฉพาะเวลานอน
เทคนิคที่ 4 : แผลทางสะดือ วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะถุงน้ำเกลือ โดยการผ่าตัดโดยการส่องกล้อง
เทคนิคที่ 5 : ผ่านทางแผลผ่าตัดไขมันหน้าท้อง (Lipectomy) ใช้ได้เฉพาะเทคนิคเสริมหน้าอกแบบเหนือกล้ามเนื้อ โดยขณะที่ทำการผ่าตัดไขมันหน้าท้อง จะเปิดช่องเล็กๆ แล้วใส่ถุงเต้านมเทียมโดยผ่านแผลภายใน วิธีนี้ใส่ได้เฉพาะถุงเต้านม
ตำแหน่งการวางถุงซิลิโคน
วางเหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular Placement)
เป็นการวางถุงซิลิโคนไว้ใต้เนื้อหน้าอก และอยู่เหนือกล้ามเนื้อหน้าอก การวางซิลิโคนตำแหน่งนี้ หากทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญแล้วจึงทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นานในการผ่าตัด เหมาะสำหรับสาวนักกีฬาหรือผู้ที่มีเนื้อหน้าอกพอที่จะกั้นระหว่างผิวเนื้อกับถุงซิลิโคน
วางใต้กล้ามเนื้อบางส่วน Dual Plan (Partialy Submuscular)
เป็นการวางถุงซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อมัดใหญ่มัดเดียว ซึ่งกล้ามเนื้อจะกดทับบริเวณขอบบน ส่วนขอบล่างของถุงจะไม่มีกล้ามเนื้อกด ทำให้เต้านมมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย
วางใต้กล้ามเนื้อทั้งหมด (Completery Submuscular)
เป็นการวางถุงซิลิโคนไว้บริเวณใต้กล้ามเนื้อหน้าอกทั้งหมด โดยกล้ามเนื้อจะเป็นเปลรองรับถุงซิลิโคนไว้ เพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนของถุงซิลิโคน กล้ามเนื้อจะช่วยหนุนให้หน้าอกอวบอูมสวยเป็นธรรมชาติ