ความฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการมีหน้าตาดี หุ่นสวย รูปร่างและมีบุคลิกภาพที่ดี ให้เกิดความมั่นใจ ในอาชีพหน้าที่การงานที่ทำ หรือเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม เพราะบางคนหน้าตาสวย แต่ไม่มีสะโพก หรือสะโพกหย่อนคล้อย เวลาแต่งตัวสวมใส่เสื้อผ้า ก็จะทำให้ดูไม่สวยงาม
ผู้ที่มีปัญหาสะโพกหย่อนคล้อย อาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ผู้ที่เคยมีน้ำหนักเกิน เคยอ้วน หรือผู้ที่มีอายุมากขึ้น ทำให้เกิดการคล้อยลงของผิวหนังตามแรงโน้มถ่วงของโลก และสาเหตุอื่นๆ เช่นการนั่งนาน นอนนานๆ ขาดการออกกำลังกาย จึงทำให้มีไขมันสะสม บริเวณสะโพก หรือผู้ที่เคยมีบุตรมาก่อน อาจจะมีการแตกลายของสะโพก ทำให้มองเห็นได้ชัด จึงทำให้มีรูปร่างที่ไม่สวยงาม การผ่าตัดยกกระชับสะโพก จึงเหมาะกับบุคคลที่ต้องการสะโพกที่คล้อยมีรูปร่างดีขึ้นและสวยงาม
การผ่าตัดยกกระชับสะโพกมีข้อดีคือ จะช่วยให้บริเวณสะโพกตึง และกระชับขึ้น เพิ่มส่วนโค้งเว้าให้ร่างกายดูสมบูรณ์ มีรูปร่างที่สวยสมดุล ได้สัดส่วน ช่วยให้มีบุคลิกภาพดีเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้า และไม่สวมใส่เสื้อผ้า แต่มีข้อเสียคือ การผ่าตัดจะเห็นแผลชัดเจนประมาณ 2-3 เดือน หลังจากนั้นแผลจะค่อยๆจางลงและดีขึ้น โดยแผลมีรูปร่างตามขอบบน ขอบล่างหรือส่วนโค้งของสะโพก
ปัญหาที่พบบ่อยของผู้ที่ต้องการยกกระชับสะโพก
สารบัญ
- มีการหย่อนคล้อยของสะโพก
- มีการหย่อนคล้อยเล็กน้อยบริเวณด้านข้างของสะโพก
- มีความแตกต่างระหว่างสะโพก 2 ข้าง
- แก้ไขสะโพกที่มีรูปร่างยาว
- ขอบล่างของสะโพกห้อยเป็น 2 ชั้น
- การหย่อนคล้อยเกิดจากการลดน้ำหนักมากๆ อาจจะลดเองหรือการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
จุดมุ่งหมายของการผ่าตัดยกกระชับก้นประกอบด้วย
- แก้ปัญหาก้นมีรูปร่างยาว
- แก้ปัญหาการหย่อนคล้อยของสะโพก
- แก้ปัญหาการไม่เท่ากันของก้น 2 ข้าง
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังที่บริเวณก้น จะเลื่อนลดตำแหน่งลงมา แต่ถ้าผิวหนังไม่หย่อนเกินขอบล่างของก้นก็ยังไม่นับว่ามีการหย่อยคล้อย การจะเรียกว่ามีการหย่อยคล้อย [ PTOSIS ] ของก้นจะใช้เมื่อมีผิวหนังหย่อนเกินหรือเท่ากับขอบล่างของก้น
โดยทั่วไปการหย่อนของก้นแบ่งตามความรุนแรงออกเป็น 3 ระดับ
ระดับที่ 1
ผิวหนังที่หย่อนต่ำกว่าขอบล่างเล็กน้อยหรือการหย่อนอยู่ที่ระดับเดียวกับขอบล่าง
- การผ่าตัดเสริมสะโพก มักจะเพียงพอ มักไม่ต้องผ่าตัดยกกระชับด้านบน
- อาจทำการยกกระชับขอบล่างในบางรายถ้าหลังจากเสริมสะโพกใน 3 – 6 เดือนแล้ว ยังดูไม่ดี
ระดับที่ 2
การหย่อนของผิวหนังเห็นได้ชัดเจนเป็นมุมที่หย่อนเห็นได้ชัด(10 องศา–30 องศา)
ในกลุ่มนี้มักเห็นการหย่อนของส่วนล่างของสะโพกชัดเจน ผิวหนังจะมีความยืดหยุ่นลดลงชัดเจน และมีการแตกลายที่บริเวณก้น
- การผ่าตัดในกลุ่มนี้มักใช้การเสริมสะโพกแต่ยกกระชับบริเวณขอบล่าง
- ในรายที่มีรอยแตก บริเวณด้านข้างตำแหน่งกลางและล่างของสะโพก อาจจะทำการยกกระชับด้านบนด้วย
ระดับที่ 3
การหย่อนมาก การหย่อนเห็นเป็นมุมลงมาใต้ขอบล่างของก้นชัดเจน (เกิน 30 องศา)
จะสังเกตการหย่อนตั้งแต่กึ่งกลางของสะโพกผิวหนังมีรอยย่นในตำแหน่งล่างของสะโพก ผิวหนังมีความยืดหยุ่นลดลงมาก และเป็นรอยแตกได้บ่อย
- ในกลุ่มนี้อาจต้องทำการผ่าตัดยกสะโพกด้านบน, ยกสะโพกด้านล่างหรืออาจต้องเสริมสะโพกร่วมด้วย
แนวทางการเลือกเทคนิคเป็นเพียงข้อเสนอคร่าวๆ การตัดสินใจอาจต้องนัดปรึกษาเป็นรายๆไปหรือต้องคำนึงถึงความต้องการและแผลเป็น
การปรึกษาก่อนผ่าตัดแก้ไขก้นหย่อนยาน
การผ่าตัดยกกระชับสะโพก ในการผ่าตัดมีหลายเทคนิคและมีแผลเป็นแตกต่างกันออกไป จึงมีความสำคัญมากในการปรึกษาก่อนการผ่าตัด การปรึกษาคุณหมอก่อนการผ่าตัด คุณหมอจะแนะนำเทคนิคการผ่าตัดและรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งพิจารณาและประเมินจากร่างกายทั้ง รูปร่าง ขนาดและความหย่อนคล้อยของสะโพก รวมถึงซักประวัติโรคประจำตัว ยาที่ทานประจำต่อเนื่อง ประวัติเคยแพ้ยา และประวัติที่เคยผ่าตัดมาก่อน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการปรึกษาก่อนผ่าตัด
- วางแผนเทคนิคการผ่าตัด โดยประเมินจากร่างกาย รูปร่าง ขนาดและความหย่อนคล้อยของสะโพก
- แผลเป็นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทราบเพราะแต่ละเทคนิค มีแผลเป็นที่ต่างกัน บางครั้งอาจรับแผลเป็นบางตำแหน่งไม่ได้ เช่นแผลจากการยกกระชับด้านบน เหมาะสำหรับผู้ที่มีสะโพกหย่อนคล้อยมากๆ การยกกระชับด้านบน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าจะให้ได้ผลดี
- ระหว่างปรึกษาต้องวาดรูปผิวหนังที่จะตัดออก และแผลเป็นที่จะเกิดในที่สุด
- ควรบอกแพทย์เรื่องเสื้อผ้าที่ใส่บ่อยๆ รวมทั้งชุดว่ายน้ำ เนื่องจากแผลเป็น บางอย่างอาจมองเห็นชัดและแผลจะออกมานอกชุดว่ายน้ำที่เว้ามากๆ หรือบางคนชอบใส่กางเกงในแบบ G-STING อาจไม่สามารถปกปิดแผลเป็นด้านบนได้ ถ้าไม่แน่ใจควรเตรียมชุดว่ายน้ำหรือเสื้อผ้าที่เราใส่ประจำมาลองสวม หลังจากวาดรูปเสร็จแล้ว ในวันที่ปรึกาก่อนผ่าตัด
- ตรวจดูจากขอบล่างของสะโพกมีผิวหนังที่เกินกว่ากันหรือไม่ ถ้าไม่เท่ากัน การผ่าตัดอาจยกกระชับแต่ละข้างไม่เท่ากันเพื่อให้หลังผ่าตัด มีความใกล้เคียงกันมากขึ้น
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวโดย เฉพาะโรคกระดูกและข้อ หรือทางเดินหายใจเพราะบางครั้งอาจต้องนอนคว่ำหลังผ่าตัดไม่สามารถนอนหงายได้
- ในวันผ่าตัด ควรมาถึงโรงพยาบาลก่อนการผ่าตัด อย่างน้อย 4 ชม.เนื่องจากคุณหมอต้องทำการวาดรูปและวางแผนก่อนการผ่าตัด
เทคนิคการผ่าตัดแก้ไขก้นหย่อนยาน
การยกกระชับสะโพก อาจต้องอาศัยเทคนิคหลายเทคนิคผสมผสานกัน เช่น การยกกระชับด้านบนและด้านล่างหรือการยกกระชับด้านล่างร่วมกับการเสริมสะโพก
1. การยกกระชับด้านบน [UPPER LIFT]
- ใช้ในกรณีที่มีการหย่อนคล้อยของสะโพกมากๆหรือในกรณีที่มีการหย่อนทางด้านข้าง
2. การยกสะโพกด้านล่าง [LOWER BUTTOCK LIFT]
- การแก้ปัญหาก้นหรือสะโพกที่ยาว
- แก้ความแตกต่างของก้นซ้ายกับขวา
- แก้ปัญหาของส่วนสะโพกที่เป็น 2 ชั้น [DOUBLE FOLD]
- แก้ปัญหาการหย่อนคล้อยระดับปานกลางโดยการสร้างขอบล่างของก้นใหม่
3. การยกสะโพกด้านใน [MEDIAL LIFT]
- เป็นเทคนิคที่พยายามซ่อนแผลเป็นไว้ในร่องก้น
- ใช้กับกรณีที่มีผิวหนังเกินไม่มาก
- ทำร่วมกับเทคนิคที่ 2 ในกรณีการหย่อนยานมาก
- ใช้กรณีที่มีการหย่อนยานน้อยแต่ไม่ต้องการมีแผลเป็นที่ขอบล่างของสะโพก
4. การยกสะโพกด้านข้าง [LATERAL LIFT]
- ใช้กับก้นหย่อนด้านข้างเล็กน้อย
- เป็นเทคนิคที่ใช้ไม่บ่อยเพราะจะเป็นแผลด้านข้างได้ชัด
- ใช้ในกรณีที่การหย่อนของสะโพกมากและมีการหย่อนของด้านข้างด้วย
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดแก้ไขก้นหย่อนยาน
- งดยาต้านการอักเสบ[ NSAID ] เช่น แอสไพริน อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
เช่น กระเทียม อย่างน้อย 2 สัปดาห์ - เตรียมลาหยุดงานประมาณ 10-14 วัน
- ตรวจร่างกายตามโปรแกรมที่โรงพยาบาลกำหนดก่อนผ่าตัด
- งดน้ำ งดอาหาร ก่อนผ่าตัดประมาณ 6 ชั่วโมง
- เตรียมโกนขนที่หัวเหน่าก่อนมาโรงพยาบาล
- ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดช่วงมีประจำเดือน
- ถ้าความดันสูงควรควบคุมความดันให้อยู่ต่ำกว่า 140/90 mm hg ( มิลลิเมตร ปรอท ) เนื่องจากการผ่าตัดทำให้เสียเลือดบางส่วน
- ไม่ควรนำของมีค่าติดตัวมาในวันผ่าตัด
- ยาแก้ปวดกลุ่มอื่น พาราเซตามอล ไทรินอล สามารถทานได้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคความดันสูง ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวว่าสามารถผ่าตัดได้หรือไม่
- ถ้ามีบาดแผลบริเวณแขน ข้อศอก หัวเข่า หรือบริเวณส่วนหน้าของร่างกาย เช่น หน้าอก หน้าท้อง ต้องรอให้แผลหายดีก่อน
- หลังผ่าตัดอย่างน้อย 14 วัน ควรมีญาติขับรถรับ-ส่ง เนื่องจากในช่วงระยะแรก อาจนั่งขับรถไม่ถนัด
- ในวันผ่าตัดมีอาการท้องเสีย ควรงดผ่าตัดไปก่อน เพราะหลังผ่าตัด จะนั่งถ่ายลำบาก นอกจากนั้นอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อของแผลได้
- หลังผ่าตัดต้องนอนคว่ำ ดังนั้นการเสริมสะโพกควรทำหลังการผ่าตัดอื่นๆ เช่น การเสริมหน้าอก การตัดไขมัน ประมาณ 2 สัปดาห์ ขึ้นไป
- งดสูบบุหรี่ แอลกอฮอร์ วิตามิน คอลลาเจน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหรืออาหารที่ทำให้เสี่ยงต่อการท้องเสีย อย่างน้อย 2 วัน
- เตรียมของใช้ภายในบ้านเพื่อให้หยิบใช้สอยได้ง่าย ในช่วงเวลาพักฟื้น เช่น โทรศัพท์ รีโมตทีวี
- วันผ่าตัดอาบน้ำให้สะอาดในตอนเช้า และสวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ
- ถ้ามียาที่ต้องทานประจำให้ทานได้ในวันผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัดแก้ไขก้นหย่อนยาน
- การผ่าตัดอาจใช้การดมยาสลบ หรือฉีดยาชา การฉีดยาชาทำให้เฉพาะกรณี ผ่าตัดยกสะโพกด้านล่าง สำหรับการผ่าตัด วิธีอื่นต้องใช้การดมยาสลบหรือฉีดยาชาที่หลัง
- ใส่สายสวนปัสสาวะ เพื่อสะดวกในการดูแลหลังผ่าตัด
- การผ่าตัดทั่วไปนอนคว่ำ ยกเว้นการผ่าตัดยกก้นด้านข้างๆ
- ตัดผิวหนังและไขมันออก ตกแต่งสะโพกจนได้รูปร่างที่ต้องการโดยทั่วไป แผลเป็นจะมีที่บริเวณขอบของแก้มก้น อาจเป็นขอบล่างขอบบนหรือขอบด้านใน
- ใส่สายระบายน้ำเหลือง
- เย็บปิดแผล
- การผ่าตัด ใช้เวลา 2 – 5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือกใช้
การดูแลหลังการผ่าตัดแก้ไขก้นหย่อนยาน
- หลังผ่าตัดพักฟื้นที่โรงพยาบาล อย่างน้อย 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
- แพทย์จะถอดสายสวนปัสสาวะออก หลังผ่าตัด 1 วัน
- วันแรกหลังผ่าตัดควรนอนพักผ่อนมากๆ ในท่านอนคว่ำ
- ในวันที่ 1-2 หลังผ่าตัด พยายามออกกำลังกายขา โดยยกขาขึ้นลง เป็นเวลา 10 นาที เพื่อเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปที่ขา
- ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และกาแฟ เนี่องจากทำให้ลำไส้บีบตัวบ่อย เกิดอาการปวดท้อง หรือทำหรือทำให้ท้องเสียได้
- วันที่ 2 จะสามารถเดินได้ปกติ และสามารถกลับบ้านได้
- วันที่ 3 สามารถอาบน้ำได้และซับแผลให้แห้ง
- พยายามนอนคว่ำประมาณ 7 วัน เพื่อไม่ให้กดทับบริเวณแผลผ่าตัด อาจนอนตะแคงได้บ้าง
- แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรก และจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 2-3 เดือน
- แผลเป็นอาจนูนได้ อาจต้องช่วยนวดบริเวณแผลผ่าตัด
- งดกิจกรรมที่ต้องมีการก้มตัวมากๆ และงดการยกของหนักประมาณ 10 วัน
- ถ้าใส่ผ้ารัดสะโพก ควรรัดให้อยู่ในท่าที่สบาย ผ้ารัดควรจะแน่น แต่ไม่ตึงมาก ขณะที่นอนพักหรือนั่งสามารถ คลายผ้าให้หลวมได้ ผ้ารัดสะโพก อาจจะต้องใช้ต่อ 2-3สัปดาห์ หรือประมาณ 1 สัปดาห์ หลังถอดสายระบายน้ำเหลืองออก
- หลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือออกกำลังกายรุนแรง 4 สัปดาห์
- ถ้าคันบริเวณสะโพก สามารถทาแป้งแก้คันได้ แต่ห้ามทาที่แผล
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ถ้ามีความผิดปกติดังนี้ ติดต่อแพทย์ทันที
A. ปวดแผลมากหรือคลื่นไส้มาก ทานยาแล้วไม่ดีขึ้น
B. เลือดหรือน้ำเหลืองออกมากผิดปกติ
C. ไม่สามารถปัสสาวะได้ - ถ้ามีน้ำเหลืองออกมาก สามารถทำแผลเปลี่ยนผ้าก๊อสปิดแผลได้
- วันที่ 3 หลังผ่าตัด อาการปวดมักจะดีขึ้น
- ในการผ่าตัดบางเทคนิคจะมีน้ำเหลืองออกมากหลังการผ่าตัด จำเป็นต้องใส่สายระบายน้ำเหลืองต่อ อาจจำเป็นต้องใส่สายระบายน้ำเหลืองกลับบ้านแล้วมาถอดออกในวันหลัง
- รับประทานอาหารได้ตามปกติ ควรงดอาหารที่เกี่ยวกับนมทุกชนิด
- หลังผ่าตัด 10-14 วัน คุณหมอจะนัดตัดไหม และให้ปิดซิลิโคน ประมาณ 4 สัปดาห์
- งดขับรถประมาณ 1 อาทิตย์ และงดการขับรถถ้ายังต้องทานยาแก้ปวด ที่ทำให้มีอาการง่วงซึม
- หลังการผ่าตัดจะนัดดูแผลที่สะโพก ถ้ามีปัญหาเรื่องแผลเป็นนูน แนะนำให้ใช้แผ่นปิดแผลเป็น สามารถช่วยให้ดีขึ้นได้ แต่อาจต้องฉีดยารักษาแผล อาจจะช่วยได้ดียิ่งขึ้น