ภาวะกลิ่นตัวมากผิดปกติ (Osmihydrosis) เกิดจากต่อมเหงื่อในบางคนทำงานมากผิดปกติ การแก้ไขอาจทำได้โดยเทคนิคต่างๆ ดังนี้
เทคนิคการรักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ
สารบัญ
เทคนิคที่ 1 การไม่ผ่าตัด (Osmihydrosis)
วิธีการฉีดยาทำได้โดยใช้ยาชาทาที่รักแร้ 2 ข้าง ประมาณ 30 นาที -1 ชั่วโมง และฉีด Botox หลังจากฉีดยาสามารถกลับไปทำงานได้ทันทีไม่ต้องลาหยุดงาน โดยเทคนิคการฉีด Botox นั้นจะมีประโยขน์ในการช่วยลดปริมาณเหงื่อ แต่ไม่ช่วยในการกำจัดกลิ่น
เทคนิคที่ 2 การผ่าตัด
ทำโดยฉีดยาชา เปิดแผลที่รักแร้ และตัดต่อมไขมันใต้ผิวหนังออก เย็บปิดแผล
วิธีการผ่าตัดทำได้ 2 แบบ
- 2A การผ่าตัดต่อมไขมันออก
ทำโดยเปิดแผลที่รักแร้ประมาณ 5 cm. และเข้าไปตัดต่อมไขมัน วิธีนี้สามารถลดต่อมไขมันได้ประมาณ 95% แต่มีข้อเสีย คือ มีแผลใหญ่กว่าวิธีที่ 2B - 2B การดูดไขมัน
ทำโดยเปิดแผลขนาดเล็ก (0.5 cm.) ที่รักแร้และใช้ท่อดูดไขมันขนาดเล็กเข้าไปดูดไขมันและเย็บปิดแผล วิธีนี้มีข้อเสียคือ แผลขนาดเล็กแต่ลดปริมาณกลิ่นได้น้อยกว่าวิธีที่ 2A
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดกำจัดกลิ่นรักแร้
- งดยาต้านการอักเสบ (NSAID)เช่น แอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
- โกนขนรักแร้ก่อนมาทำการผ่าตัด
- ควรเตรียมตัวหยุดงาน 1 – 2 วัน
- อาบน้ำก่อนมาผ่าตัด เนื่องจากหลังผ่าตัดห้ามไม่ให้แผลถูกน้ำ 2 – 3 วัน
- กรณีที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ไม่ควรขับรถประมาณ 6 – 7 วันหลังผ่าตัด
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัดเพราะต้องใช้ยาที่ผสมอดรินาลิน
- เตรียมตัวหยุดงานประมาณ 2 วัน
ขั้นตอนการผ่าตัดกำจัดกลิ่นรักแร้
- ฉีดยาชา
- เปิดแผลที่รักแร้ตามแนวรอยพับของรักแร้
- ตัดต่อมไขมันออก
- เย็บปิดแผล
การดูแลหลังการผ่าตัดกำจัดกลิ่นรักแร้
- หลังผ่าตัดจะปิดผ้าก๊อซขนาดใหญ่ที่แผล ถ้ามีสายระบายน้ำเหลืองจะเอาออกในวันรุ่งขึ้น
- วันรุ่งขึ้นอาจเอาผ้าปิดแผลออกได้
- ใช้น้ำเกลือเช็ดแผล เช้า – เย็น
- ปกติจะนัดตัดไหม 7 วัน
- ไม่ควรขับรถเองในวันผ่าตัด
- ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกมาก ให้รีบติดต่อแพทย์โดยทันที